วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อาสาฬหบูชา

วันอาสาฬหบูชา ได้ถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2501 โดยคณะสังฆมนตรี (มหาเถรสมาคม) ในสมัยนั้น ได้มีมติให้เพิ่ม
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา (ในประเทศไทย) ตามคำแนะนำของ พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)[1] โดยคณะสังฆมนตรีได้ออกเป็นประกาศสำนักสังฆนายก
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาพร้อมทั้งกำหนดพิธีอาสาฬหบูชาขึ้น[2] ทำให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 เป็นต้นมา
                                วันอาสาฬหบูชา    แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ"  คือเดือน 8 ทางจันทรคติ ปีใด 8 สองหน จะกำหนด วันอาสาฬหบูชา ใน เดือน 8 หลัง  เหตุผล
ที่ยกย่อง วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องจาก มีเหตุผลสำคัญ หลายประการ ได้แก่
                         1. เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก (ปฐมเทศนา) คือ (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) แก่ปัญจวัคคีย์
                        2. การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ 1 ใน 5 ปัญจวัคคีย์ เกิดดวงตาเห็นธรรมหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน  จัดเป็นพระอริยสาวกรูปแรก
ของพระพุทธเจ้า
                        3. โกญทัญญะทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า (พระพุทธศาสนา) ทรงอแนุญาตด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสงฆ์สาวก
องค์แรกในโลก
                        4.  พระรัตนตรัยครบองค์ 3 บริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบสามรัตนะ 
                        ด้วยเหตุผลสำคัญดังกล่าวจึงยกย่องให้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เหมือนวันวิสาขบูชา และ มาฆบูชา
               การทำบุญวันอาสาฬหบูชา  อาจไม่เห็นเด่นชัดเหมือนวันวิสาขบูชาและมาฆบูชา  เนื่องจากติดกับวันเข้าพรรษา  กิจกรรมที่เตรียมงานวันเข้าพรรษาอาจดูเอิกเกริกกว่า
จนลืมวันอาสาฬหบูชา  ยกเว้นข้าราชการนักเรียนนักศึกษา มักจะจำได้ดี เพราะเป็นวันหยุดราชการ  อย่างไรก็ตามในฐานะชาวพุทธหากจะทำบุญเป็นพิเศษ ในวันอาสาฬหาบูชาก็สามารถ
ทำได้ตามควรแก่ฐานะของตนเช่น
                1.  ทานมัย  ทำบุญ ตักบาตร  บริจาคข้าวปลาอาหาร  ไปทำที่วัด หรือสถานที่ที่มีผู้รับสิ่งของที่จะให้ทาน เช่นโรงเรียน โรงพยาบาลสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ   หรือ ให้ลูก
หลานญาติพี่น้องก็ถือเป็นการทำทานได้เช่นกัน
               2. สีลมัย ตื่นเช้าที่บ้านแหละครับ  สมาทานศีล และถือปฏิบัติเคร่งครัดมิให้ขาดหรือบกพร่อง ตลอดวัน  วันอื่น ๆ อาจไม่ถือเคร่งครัดศีลบางข้ออาจด่างพร้อยไปบ้าง  แต่วันสำคัญ ๆ
เช่นนี้ตั้งใจไว้เลยจะไม่ให้ขาดหรือบกพร่อง แม้แต่ข้อเดียว
               3.  ภาวนามัย  แสวงหาปัญญาทางธรรม ให้ได้อย่างน้อย 1 เรื่อง ในโอกาสวันสำคัญเช่นนี้  เช่นยังโง่เขลาเรื่องวัน อาสาฬหบูชา  ก็ไปหาเอกสารตำรามาอ่านหรือถามผู้รู้ จนเข้าใจ
ได้ปัญญา 1 เรื่อง ขจัดความโง่ได้ 1 ตัว  หรือยังโง่เรื่อง ทานมัย ทำไมพระจึงเทศน์ว่า ธรรมทานย่อมชนะทานทั้งปวง  ไปหาหลวงพี่หลวงพ่อถามท่าน  ได้คำตอบคือปัญญามา ขจัดโง่ได้อีกตัว
ยังโง่เรื่องวิธีอบรมสมาธิ ไปหาพระอาจารย์ให้ท่านแนะนำวิธีที่ถูกต้องให้ นี่ก็เป็นปัญญาอีกตัว ขจัดโง่ได้ 1 ตัวเช่นกัน  วันสำคัญ ๆ ถ้าอบรมให้เกิดปัญญา ขจัดความโง่ไปได้ แม้เพียงตัวเล็กๆ 
แต่ก็ถือเป็นบุญที่มีค่ามหาศาล เพราะมันจะอยู่กับตัวเราไปได้นาน
              ประเพณีทั่วไปที่นิยมทำกันคือไปวัดทำบุญตักบาตร เวียนเทียนและฟังเทศน์  มีทำกันแทบทุกวัด  หากสนใจจะไปร่วมกับชาวบ้านก็คงมีครับ  หากวัดไม่ได้จัด ก็จำหลัก
ทำบุญ 3 อย่าง ดังกล่าวแล้ว นำไปใช้  ได้บุญเช่นกันครับ
หมายเหตุ  ชื่อ 12 เดือนภาษาบาลีที่เกี่ยวข้องกันวันบูชาต่างๆ
มิคสิรมาส       เดือน  1
ปุสสมาส        เดือน  2
มาฆมาส        เดือน  3
ผัคคุณมาส      เดือน  4
จิตตมาส        เดือน  5
วิสาขมาส       เดือน  6
เชฏฐมาส        เดือน  7
อาสาฬหมาส   เดือน  8
สาวนมาส       เดือน  9
ภัทรปทมาส    เดือน  10
อัสสยุชมาส     เดือน 11
กัตติกมาส      เดือน  12





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น