---------------บวชลูกบวชหลาน--------------------
....................
....................
..............ลูกผู้ชายต้องบวชเรียนให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสวรรค์
คือความเชื่อของคนสมัยก่อน
สั่งสอนกันสืบมาจนถึงปัจจุบัน ความเชื่อของท่านถูกต้องแล้วครับ
เพราะคนที่มีลูกชาย เมื่อโตแล้วการอบรมสั่งสอนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักบาปกรรม
มีศีลมีคุณธรรม พ่อแม่สอนกันไม่ไหวหรอกครับ
เพราะคุณลูกไม่อยู่ให้สอนนั่นประการหนึ่ง และประการสำคัญ พ่อแม่ก็ไม่มีเวลา
แถมยังไม่รู้จะสอนอย่างไรจึงจะได้อย่างที่ใจต้องการ
เมื่อลูกยอมบวชเรียน
โอกาสจะได้ฝึกปฏิบัติตนเป็นมีศีลมีคุณธรรมย่อมมีมาก กว่าเป็นฆราวาส
ทั้งยังได้ร่ำเรียนคำสอนพุทธศาสนาที่เชื่อว่าเป็นคำสอนที่ยอดเยี่ยมที่สุด
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พ่อแม่เป็นปลื้มได้อย่างไร แถมเมื่อลูกบวชแล้ว
ความรักความห่วงใยย่อมเพิ่มเป็นทวีคูณ
ต้องหาข้าวของมาตักบาตร หาของกินดี ๆ ไปจังหัน ทั้ง ๆที่เมื่อก่อนไม่ค่อยสนใจ
นี่แหละอิทธิพลผ้าเหลืองที่ลูกชายนุ่งห่มพลอยทำให้พ่อแม่สนใจทำบุญทำทาน
แบบที่โบราณท่านเปรียบว่าเกาะชายผ้าเหลืองลูกไปสวรรค์ ถูกต้องแล้วครับ หลังจากพล่ามไปมากแล้วเรามาดูการทำบุญบวชนาคกันนะครับ
การเตรียมงาน
..............งานทุกอย่าง ชาวบ้านเราห่วงเรื่องการรับรองแขก การเตรียมข้าวปลาอาหาร
เป็นภาระสำคัญ
ที่ต้องคิดกัน บางคนขนาดหาหมูหาวัวไว้ฆ่าเลี้ยงแขกในงาน คงห้ามกันยากครับ แม้จะรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง อยากให้ข้อคิดว่าการทำบุญใด ๆ ก็ดี ถ้าไม่ต้องทำบาปเลยจะดีมากหรือจำเป็นเลี่ยงไม่ได้ก็ให้มันบาปน้อย ๆ หน่อย จะทำอย่างไรจึงจะบาปน้อยคงคิดออกไม่ยากใช่ไหมครับ ดังนั้นเรื่องเตรียมข้าวปลา
อาหารนี่จะขอข้ามไป
................ขอพูดถึงการเตรียมนาคครับ เพราะเห็นคนทำจัดงานบวชกำลังจะทำกันจนเลอะ เมื่อก่อนคนจะบวชต้อง ไปฝากตัวที่วัดล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ฝึกเป็นศิษย์พระรักษาศีล 8 อดข้าวเย็น นอนที่วัด ท่องบทขานนาคและบทสวดมนต์ คำขานนาคก็คือ คำขอบรรพชาอุสมบท เพราะพระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้อย่างนั้นว่า ใครอยากบวชต้องขอบวชเอง คำขานนาคประมาณ 2 หน้ากระดาษ 7 วัน ท่องได้คล่องแน่นอน สามารถไปกล่าวคำขอบรรพชา อุปสมบท ต่อหน้าพระอุปัชฌายะ ได้ บทสวดมนต์เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน จำเป็นสำหรับพระภิกษุสามเณร เวลาโยมมาขอศีลต้องให้ศีล เขาถวายสิ่งของ
ต้องให้ศีลให้พร เช้าเย็นต้องสวดมนต์เจริญภาวนา เวลามีงานต้องเจริญพระพุทธมนต์ คนตายต้องสวดพระอภิธรรม สวดมาติกา บังสุกุล บทสวดต่าง ๆ ที่กล่าวเป็นภาษาบาลีทั้งนั้น ต้องท่องจำครับ การเป็นนาคอยู่วัดเจ็ดวัน พระท่านจะแนะนำว่า ควรท่องบทไหนก่อน ก็บทให้ศีลห้าศีลแปดนั่นแหละ ต่อมาก็บทให้พรยถาสัพพี เห็นไหมครับ การเข้านาคมีข้อดีไม่น้อยแต่คนทุกวันนี้ไม่ค่อยทำ เลยเกิดปัญหาเวลาเข้าไปหาพระอุปัชฌายะเพื่อขอบรรพชาอุปสมบท กล่าวคำขอบวชเองไม่ได้ เดือดร้อนถึงอุปัชฌายะหรือพระกรรมวาจาจารย์ต้องนำกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบท ดีที่ชาวบ้านฟังภาษาบาลีไม่รู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นคงจะมีรายการขำขัน กันเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าระหว่างนาคกับพระ ใครขอบวชกันแน่ เพราะมีคนกล่าวคำขอบวช 2 คน คือมีพระเป็นหัวหน้ากล่าวนำ นาคก็ว่าตาม ถ้าไม่อยากเกิดปัญหาทำนองนี้ นำนาคไปถวายพระล่วงหน้า 7 วันดีที่สุดครับ
การทำบุญบ้านสำหรับงานบวชนาค
ที่ต้องคิดกัน บางคนขนาดหาหมูหาวัวไว้ฆ่าเลี้ยงแขกในงาน คงห้ามกันยากครับ แม้จะรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง อยากให้ข้อคิดว่าการทำบุญใด ๆ ก็ดี ถ้าไม่ต้องทำบาปเลยจะดีมากหรือจำเป็นเลี่ยงไม่ได้ก็ให้มันบาปน้อย ๆ หน่อย จะทำอย่างไรจึงจะบาปน้อยคงคิดออกไม่ยากใช่ไหมครับ ดังนั้นเรื่องเตรียมข้าวปลา
อาหารนี่จะขอข้ามไป
................ขอพูดถึงการเตรียมนาคครับ เพราะเห็นคนทำจัดงานบวชกำลังจะทำกันจนเลอะ เมื่อก่อนคนจะบวชต้อง ไปฝากตัวที่วัดล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ฝึกเป็นศิษย์พระรักษาศีล 8 อดข้าวเย็น นอนที่วัด ท่องบทขานนาคและบทสวดมนต์ คำขานนาคก็คือ คำขอบรรพชาอุสมบท เพราะพระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้อย่างนั้นว่า ใครอยากบวชต้องขอบวชเอง คำขานนาคประมาณ 2 หน้ากระดาษ 7 วัน ท่องได้คล่องแน่นอน สามารถไปกล่าวคำขอบรรพชา อุปสมบท ต่อหน้าพระอุปัชฌายะ ได้ บทสวดมนต์เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน จำเป็นสำหรับพระภิกษุสามเณร เวลาโยมมาขอศีลต้องให้ศีล เขาถวายสิ่งของ
ต้องให้ศีลให้พร เช้าเย็นต้องสวดมนต์เจริญภาวนา เวลามีงานต้องเจริญพระพุทธมนต์ คนตายต้องสวดพระอภิธรรม สวดมาติกา บังสุกุล บทสวดต่าง ๆ ที่กล่าวเป็นภาษาบาลีทั้งนั้น ต้องท่องจำครับ การเป็นนาคอยู่วัดเจ็ดวัน พระท่านจะแนะนำว่า ควรท่องบทไหนก่อน ก็บทให้ศีลห้าศีลแปดนั่นแหละ ต่อมาก็บทให้พรยถาสัพพี เห็นไหมครับ การเข้านาคมีข้อดีไม่น้อยแต่คนทุกวันนี้ไม่ค่อยทำ เลยเกิดปัญหาเวลาเข้าไปหาพระอุปัชฌายะเพื่อขอบรรพชาอุปสมบท กล่าวคำขอบวชเองไม่ได้ เดือดร้อนถึงอุปัชฌายะหรือพระกรรมวาจาจารย์ต้องนำกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบท ดีที่ชาวบ้านฟังภาษาบาลีไม่รู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นคงจะมีรายการขำขัน กันเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าระหว่างนาคกับพระ ใครขอบวชกันแน่ เพราะมีคนกล่าวคำขอบวช 2 คน คือมีพระเป็นหัวหน้ากล่าวนำ นาคก็ว่าตาม ถ้าไม่อยากเกิดปัญหาทำนองนี้ นำนาคไปถวายพระล่วงหน้า 7 วันดีที่สุดครับ
การทำบุญบ้านสำหรับงานบวชนาค
ก่อนวันบวช 1 วัน
ชาวบ้านนิยมทำบุญบ้าน ตอนเย็นนิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน
เสร็จแล้วก็เลี้ยงอาหารเย็นญาติพี่น้องที่มาร่วมงาน
ข้าวปลาอาหารที่เตรียมไว้ก็ได้ใช้กันวันนี้เอง
ซึ่งเริ่มแต่เช้าแล้วจะมีคนทะยอยมาร่วมทำบุญไม่ขาด บางคนมีข้าวสารอาหารแห้งมาฝากทำบุญ
บางคนได้เสื่อ อาสนะ ฟูก หมอน ผ้า
ของที่เขานำมาร่วมทำบุญจะนำไปกองรวมเอาไว้กับเครื่องอัฐบริขารและไทยทาน
ต่าง ๆ
รวมเรียกว่า " กองบวช" บ้านงานจัดเลี้ยงอาหารแขกตลอดเวลา
มาเวลาไหนมีข้าวปลาอาหารให้กิน คนที่ไม่กินก็ใส่ถุงฝากให้ลูกหลานที่บ้าน
ถึงตอนเย็นเมื่อพระเจริญพุทธมนต์จบจะเป็นการเลี้ยงใหญ่ ก่อนจะดูหมอลำสมโภชกองบวช
อ้อลืมพ่อนาคไป ตอนนี้เป็นศิษย์วัดครับมาพร้อมพระ
กลับพร้อมพระครับ ไม่มีสิทธิ์มานั่งดูหมอลำซิ่งกะเขาหรอก
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ตักบาตรกัน
ส่วนพ่อนาคก็จะถูกจับโกนผมมาแล้วแต่งชุดนาคไว้รอ เสร็จพิธีตักบาตรฉันเช้าเสร็จ
เขาจะมีพิธีทำขวัญนาคให้
ญาติพี่น้องมาผูกข้อมือให้ขวัญกำลังใจ ด้ายผูกแขนล้นข้อมือทีเดียว
เสร็จแล้วก็ส่งพระกลับวัดไปก่อน จากนั้นก็แห่นาคพร้อมกองบวชไปวัดกัน
กลองยาวเป็นอุปกรณ์สำคัญในการแห่ขาดไม่ได้
ใครจะร้องจะรำตามสบายตั้งแต่บ้านงานจนถึงวัด ขบวนแห่จะหยุดพักรอที่ศาลาการเปรียญ
แล้วนำนาคไปส่งที่พระอุโบสถ ตอนนี้นาคเป็นหนี้สินใครยังไม่ใช้ ให้รีบมาทวง
เพราะคนจะบวชต้องปลอดหนี้สิน คนรุ่นปัจจุบันอย่าลืมคุณสมบัติข้อนี้นะครับ
ไม่งั้นจะมีผลทำให้การบวชไม่สมบูรณ์ตามพระวินัยบัญญัติ เพราะนาคขาดคุณสมบัติข้อ อนโณสิ (เป็นคนไม่มีหนี้สินใช่เปล่า)
ขั้นตอนพิธีบวชไม่มีอะไรมาก
หลักการคือพระท่านจะบวชให้คนมีบริขารครบ พ่อแม่จะมอบบริขารให้ก่อน
จากนั้นก็เข้าไปหาพระอุปัชฌาย์เพื่อขอบรรพชาอุปสมบท
ขั้นตอนแรกจะให้บรรพชาเป็นสามเณรรับศีล 10 ข้อ ก่อน
จากนั้นท่านจึงจะประชุมสงฆ์เพื่อพิจารณาอุปสมบทเป็นพระภิกษุให้
โดยต้องตรวจสอบอันตรายิกธรรมหรือข้อห้ามตามพระวินัยบัญญัติไว้
เช่นตรวจสอบว่าเป็นบุรุษจริง อายุครบ 20
ขึ้นไป
บิดามารดาอนุญาต เจ้านายหรือพระราชาอนุญาต เป็นมนุษย์ไม่ใช่ปลอมแปลงมา
ไม่มีหนี้สิน ฯลฯ ผ่านคุณสมบัติตรงนี้ไปท่านก็จะสวดญัติจตุตถกรรมวาจา
ถ้าไม่มีข้อทักท้วงจากที่ประชุมสงฆ์ การอุปสมบทก็จบบริบูรณ์
ข้อควรระวัง
ปัจจุบันบางวัดนิยมอนุญาตให้ฆราวาสนั่งดูในอุโบสถได้ ค่อนข้างจะเสี่ยง
เพราะชาวบ้านอาจทำให้สังฆกรรมเสียหายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เพราะท่านห้ามมิให้มีบุคคลอื่นที่มิใช่คณะสงฆ์ผู้จะทำสังฆกรรมอยู่ในบริเวณที่สงฆ์กำลังประชุม
ยกเว้นนาค คนอื่นจะต้องอยู่ห่างเขตประชุมสงฆ์
1 ช่วงแขน ที่ท่านเรียก 1 หัตถบาศนั่นเอง
ยิ่งถ้าเป็นพระภิกษุผ่านเข้ามาบริเวณสีมาที่ท่านกำหนดไว้ ต้อง
ยกเลิกสังฆกรรมที่ทำมายังไม่จบเริ่มต้นใหม่
และต้องนิมนต์พระภิกษุรูปที่หลงทางมาเข้าร่วมประชุมด้วย
.--------------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59
..........ผลงานเก่า เอามาเก็บที่บลอก
.--------------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59
..........ผลงานเก่า เอามาเก็บที่บลอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น