บุญพระเวสสันดร
....................แห่กัณฑ์หลอน เป็นกิจกรรมที่สนุกมากสำหรับเด็ก ๆ อย่างพวกเรา พ่อแม่ใส่เสื้อผ้าใหม่ให้ ประแป้งแต่งตัวเริดทีเดียว เสร็จแล้วให้พวกเราฟ้อนนำหน้าขบวนกัณฑ์หลอน พวกผู้ใหญ่ตีฆ้องตีกลองให้จังหวะเดินตามหลัง ผ่านหน้าบ้านใครเขาจะนำข้าวต้ม เงินทอง ของทำบุญมาสมทบ กว่าจะถึงวัดก็จะมีเงินหลายสิบบาท ใช้ไม้ไผ่เหลาขนาดไม้เรียวผ่าปลายคีบเงินไว้ โคนเหลาให้แหลมปักต้นกล้วย กลายเป็นพุ่มเงิน นอกจากนี้ยังห้อยดินสอ สมุด ไม้ขีดไฟ มั่วไปหมด ส่วนของหนัก ๆ อย่างข้าวต้มก็ใส่ถาดถือไป พอถึงวัดจะมีขบวนกลองยาวของวัดมารับถึงประตูวัดทีเดียว เป็นขบวนใหญ่ช่วยให้ขบวนแห่ครึกครื้นยิ่งขึ้น ตอนนี้พวกผู้ใหญ่จะเริ่มออกลวดลายฟ้อนกันสุดเหวี่ยง ไม่มีใครสนใจเด็ก ๆ อีกแล้วแห่รอบศาลา
3 รอบ
แล้วไปหยุดที่ร่มไม้ ใกล้ ๆ ศาลานั่นแหละ
รอกองสอดแนมไปตรวจดูว่าพระรูปไหนกำลังขึ้นธรรมมาสน์เทศน์มหาชาติ
พอท่านเทศน์จบก็นิมนต์มารับกัณฑ์หลอน นั่นคือเรื่องราวสมัยเด็ก เท่าที่จำได้
ไม่เคยสนใจมาก่อนจึงไม่ได้ศึกษารายละเอียดว่าทำไมมีกัณฑ์หลอนเฉพาะบุญเดือนสี่
กัณฑ์ไม่หลอนมีไหม จนเมื่อสมัยบวชอยู่วัด 7 พรรษา จึงได้สัมผัสงานบุญเดือนสี่
หรือบุญผะเหวด หรือบุญพระเวสสันดร หรือบุญมหาชาติ มีสาระพัดชื่อตามแต่จะเรียก
ถึงตอนนี้เองที่ได้สนใจศึกษาประเพณีทำบุญเดือนสี่
รวมทั้งประเพณีอื่น ๆ ด้วย เพราะว่าคนที่เป็นพระภิกษุ จำเป็นต้องเรียนรู้หลักธรรมคำสอนทางศาสนา
และต้องเป็นผู้นำด้านประเพณีวัฒนธรรมให้ชาวบ้าน
................... บุญเดือนสี่เขาเรียกงานบุญอย่างนี้ก็เพราะเป็นงานที่นิยมจัดขึ้นในเดือนสี่
ในแต่ละเดือนของชาวอีสานจะมีประเพณีที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
เช่น เดือนอ้ายบุญเข้ากรรม เดือนยี่บุญคุณลาน เดือนสามบุญข้าวจี่ เดือน
สี่บุญผะเหวดเดือนห้างานสงกรานต์
เดือนหกบุญวิสาขบูชา เดือนเจ็ดบุญซำฮะงานเลี้ยงปู่ตาอาลักษณ์ เดือนแปดเข้าพรรษา
เดือนเก้าบุญข้าวประดับดิน
เดือนสิบบุญข้าวสาก เดือนสิบเอ็ดบุญออกพรรษา เดือนสิบสองบุญกฐินและงานลอยกระทงช่วงเตรียมการ
................เมื่อจะทำบุญเดือนสี่ทางวัดและทางบ้านจะหารือกันว่าจะจัดช่วงไหนดี
ได้วันเวลาแล้วต่างก็จะเตรียมการให้พร้อมชาวบ้านส่วนใหญ่จะเน้นการเตรียมของทำบุญ
ข้าวปลาอาหาร จวนถึงวันงานจึงจะออกไปเตรียมงานที่วัด สำหรับทางวัด มีงานที่ต้องเตรียมหลายอย่างเช่น
ตรวจสอบหนังสือลำมหาชาติสำนวนไทยอีสาน ปกติเป็นหนังสือตัวธรรม
ต้องจัดการแบ่งออกเป็นตอน ๆ
ให้พอดีอ่านได้จบภายใน 20 - 30 นาที กำลังพอดี และต้องแจกหนังสือให้พระเณรในวัด
และส่งไปให้วัดหมู่บ้านใกล้เคียงในตำบลนิมนต์มาเทศน์ช่วยกันด้วย
ต้องทำบัญชีจัดลำดับไว้ให้ถูกต้อง การแจกจ่ายหนังสือผูกต้องทำล่วงหน้าอย่างน้อยสิบห้าวัน
เพื่อให้ผู้ได้รับแจกจ่ายมีเวลา ฝึกอ่านหนังสือธรรมให้คล่อง
เวลาขึ้นเทศน์บนธรรมมาสน์จะได้ไม่ติดขัด หลังจากนั้นก็จะมอบหมายให้โยมจับสลากเลือกดูว่าตนเองเป็นผู้รับผิดชอบการเทศน์หนังสือกัณฑ์เทศน์ลำดับที่เท่าไร
พระเณรรูปใดแสดงธรรมเทศนากัณฑ์นั้น
ผู้จับสลากได้จะรับผิดชอบอำนวยความสะดวกทุกอย่าง
ถ้าเป็นพระต่างวัดต้องดูแลจัดที่นอนหมอนมุ้งอำนวยความสะดวกให้ท่านด้วย
พอเทศน์จบกัณฑ์ ก็จะนำไทยทานบูชากัณฑ์เทศน์มาถวายเป็นเสร็จภาระ
.................ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในงานมหาชาติ
ธุงปฏาก คือธงผืนยาว ๆ ผูกปลายไม้ไผ่ทั้งลำ ปักอยู่ตามลานวัด เป็นเอกลักษณ์ของงานบุญมหาชาติ
ถ้าแผ่นธุงฉีกขาดก็ต้องให้ญาติโยมซ่อมให้เรียบร้อย
คันธุงชำรุดเสียหายก็จัดหามาเสริมมีข้อสังเกตนิดหน่อยคือคันธุง
ตรงโคนหลังจากปักดินแล้วตรงที่สูงแค่อก จะปาดผิวไม้ไผ่ทำเป็นไม้ตอกรอบ ๆ
แล้วหาตอกมาสานเป็นกระจาด
มีเสาธุงอยู่ตรงกลาง เอาไว้ใส่ดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องบูชา
..................ตรวจสอบผ้าผะเหวด
เป็นผ้าด้ายดิบวาดรูปเรื่องราวเกี่ยวกับปฐมเหตุการณ์เทศน์มหาชาติ
เรื่องมหาชาติชาดกแต่ต้นจนจบ
ต้องใช้ในการไปแห่พระเวสสันดร มาถึงวัดจะใช้ขึงล้อมรอบศาลาการเปรียญ
ดูเครื่องบูชาลำมหาชาติ ได้แก่ดอกไม้ธูปเทียน
เมี่ยงหมาก พลูบุหรี่ อย่างละพัน ของพวกนี้ชาวบ้านนิยมทำสำเร็จรูปไว้
อัดใส่กระติ๊บข้าวขนาดใหญ่หรือภาชนะอย่างอื่นไว้
ถึงเวลาทำบุญก็ยกมาใช้ได้เลย จะมีทำใหม่ทุกปีก็คือข้าวเหนียวพันก้อน
เครื่องบูชานี้จะวางอยู่ที่หน้าธรรมมาสน์
เทศน์
..................ศาลพระอุปคุต
งานบุญมหาชาติเป็นงานที่มารชอบขัดขวางทำให้เกิดความไม่สงบวุ่นวายอยู่เสมอ นิยมเชิญพระอุปคุตเถระซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์เดชมากมาคุ้มครองเวลาออกไปเชิญพระอุปคุตจะไปที่ริมหนองน้ำ
เพราะเชื่อว่าท่านพำนักอยูที่สะดือทะเล
บางหมู่บ้านจะให้คนนำก้อนหินวัดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เท่าก้อนเส้า 3
ก้อนไปวางไว้ในน้ำ เมื่อขบวนเชิญไปถึงก็มีคำกล่าวอัญเชิญพระอุปคุต
จากนั้นก็จะมีคนลงไปงมก้อนหินขี้นมาทีละก้อนแล้วถามว่า ใช่พระอุปคุตเถระหรือไม่
สองก้อนแรกจะมีคนร้องตอบว่าไม่ใช่ จนถึงก้อนที่สามจึงรับว่าใช่
จากนั้นก็เชิญก้อนหินใส่พานแห่ไปถึงวัดก็ประมาณตีห้าเศษ
อัญเชิญพระอุปคุตไปที่ศาล วางก้อนหินบนศาล ตอนนี้จะจัดเตรียมเครื่องอัฐบริขาร 1
ชุด จุดธูปเทียน
บูชา
ขออำนาจพระอุปคุตเถระท่านคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายไม่ให้เกิดมารขัดขวางการทำบุญ
................วันรวม เป็นวันแรกของงาน
เช้ามืดพวกผู้ชายจะพากันไปเชิญพระอุปคุตมากปกปักรักษา มิให้มีมารมาเบียดเบียนให้เกิดภัยอันตรายขณะทำบุญ
วิธีการก็ดังที่ได้กล่าวแล้ว ส่วนชาวบ้าน ทุกบ้านจะทำขนมจีนตอนเช้า สายหน่อยก็ทำข้าวต้มมัด
ขณะเดียวกันญาติพี่น้องต่างหมู่บ้านก็จะมาร่วมทำบุญ โดยการนำกล้วยสุก
ข้าวสารมาช่วย แถมพวกผู้หญิงยังช่วยห่อข้าวต้มกันอีกด้วย
ส่วนพวกผู้ชายก็ตั้งวงเฮฮากันตามเรื่อง
แขกต่างบ้านขึ้นแวะบ้านหลังใดก็จะถูกเชื้อเชิญให้ร่วมรับประทานอาหาร
โดยไม่สนใจว่ารู้จักกันหรือไม่
แวะสิบหลังคาเรือนก็จะถูกต้อนรับด้วยการยกสำรับข้าวมาให้สิบครั้ง บางบ้านแถมสาโทให้ด้วย
อ้อสาโทนี่ไม่เกี่ยวกับการทำบุญนะขอรับ แต่คนทำเขาแอบทำไว้กินกัน
ถ้าไปเยี่ยมบ้านไหนเจอ
เขารับรองด้วยสาโทละก็สามสี่หลังคาก็หน้ามืดแทบคลานแล้ว
..................สองโมงเศษพวกผู้ใหญ่จะออกไปประดับตกแต่งศาลาการเปรียญที่จะใช้เทศน์มหาชาติ
แต่งให้สุดฝีมือเท่าที่จะทำได้
ก้านมะพร้าวตัดลงมานับสิบก้าน ตัดใบเหลือไว้ประมาณฟุตแต่โคนจนปลายก้าน
จากนั้นผ่าก้านจากปลายลงมาสักครึ่งหนึ่ง
นำไปมัดตามโคนเสาบนศาลา ดึงปลายมัดติดกันทำให้เกิดเป็นรูปประตูโค้งทุกช่องเสา
กระดาษสีตัดรูปธงทิวสามเหลี่ยม
ติดแป้งเปียกแปะด้ายเป็นธงทิว ขึงมั่วไปมาบนศาลาจนตาลาย
คนที่ตัดพวงมาลัยสวยก็ทำพวงมาลัยมัดติดเสาศาลา
กระดาษย่นตัดเป็นท่อนกว้างนิ้วหนึ่งต่อกันเป็นเส้นยาว ๆ สักสามสิบเส้น
มัดปลายด้านหนึ่งติดกันผูกติดเพดานศาลาปลายแต่ละเส้นจับบิดให้เกิดเกลียวแล้วผูกรายรอบศาลาเอาไว้
เวลาลมพัดเกลียวกระดาษจะวิ่งขึ้นลงหลากสีดูเพลินตาดี
บางคนใช้เชือกด้ายดิบยาวสักสองเมตรชุบแป้งเปียกให้ชุ่ม แล้วนำไปคลุกข้าวสาร
ทำให้มีเม็ดข้าวสารติดด้ายผูกตากให้แห้งติดกันดีแล้วนำไปผูกห้อยประดับทั่วศาลา
เคยเห็นชาวบ้านเลือกต้นหม่อนมาปาดทำเป็นดอกไม้ ย้อมสาระพัดสี
ทำเสร็จเรียกว่า"ดอกโน" เขาใช้เชือกด้ายร้อยเป็นเส้นยาว ๆ ประดับศาลา
นัยว่าป่าหิมพานต์มันดอกไม้เยอะแถมยังเป็นเครื่องบูชากันธ์เทศน์อีกด้วย ที่ธรรมมาสน์จัดวางเครื่องบูชาเทศน์มหาชาติ
ผึ้งพัน น้ำมันหมื่น ข้าวตอกดอกไม้
เมี่ยงหมากอย่างละพัน วางชามอ่างใส่น้ำทำเป็นสระอโนดาต ใส่เต่า ปู กอบัว จอก แหน
ลงไป บางแห่งเล่นจัดสี่มุมธรรมมาสน์ก็มี
นอกจากนี้จัดตั้งกระถางธูปเชิงเทียนไว้จุดบูชาด้วย
ถ้ามีไฟฟ้าและเครื่องเสียงก็จะต้องมีการตรวจสอบและจัดวางให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน
..................วันงานเขาจะแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง
ประมาณ 3 โมงเย็นมัคทายกจะออกมาที่วัดนิมนต์พระไปร่วมพิธีแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง
เลียนแบบเหตุการณ์ในตอนที่พระเจ้ากรุงสญชัยเสด็จออกไปป่าเขาวงกฏ
เชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองชาวบ้านเลือกที่บริเวณไม่ไกลหมู่บ้านนักเป็นที่ทำพิธี
ปูลาดเสื่อไว้ให้พระเณรนั่ง ไหว้พระสวดมนต์รับศีลก่อน จากนั้นพิธีกรก็จะกล่าวประกาศอัญเชิญพระเวศสันดรเข้าเมือง
ถ้าพระที่ไปร่วมขบวนเทศน์แหล่ฉักขัตติได้ ก็นิมนต์ท่านเทศน์แหล่เชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง
จบแล้วก็ลั่นฆ้องกลองเริ่มขบวนแห่กลับหมู่บ้าน
ขบวนประกอบด้วยเสลี่ยงพระพุทธรูปนำหน้า ตาม
ด้วยเสลี่ยงพระเถระ
แถวพระภิกษุสามเณร ขบวนผ้าพระเวสส์จะถูกคลี่ออกกางช่วยกันถือ
ผู้ร่วมขบวนแห่จะหาดอกไม้คนละกิ่งสองกิ่งติดมือไปด้วย
ไปถึงวัดแห่รอบศาลา 3 รอบนำดอกไม้บูชาที่คันธุง ศาลาอุปคุต ส่วนผ้าพระเวสส์นำไปขึงวงรอบบนศาลา
.............. เสร็จพิธีแห่ก็ประมาณ 6.30
น.ได้เวลาสำหรับเจริญพระพุทธมนต์ จะมีชาวบ้านส่วนหนึ่งเตรียมพร้อมที่จะทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์อยู่บนศาลาการเปรียญก่อนแล้ว
เมื่อขบวนแห่มาถึงก็พร้อม ทายกนำไหว้พระสวดมนต์รับศีล ฟังพระเจริญพระพุทธมนต์
จบแล้วจะอาราธนาเทศน์ พระท่านจะเริ่มเทศมาลัยหมื่นมาลัยแสน
เป็นเรื่องราวพระมาลัยเถระโปรดสัตว์นรก
และไปเที่ยวสวรรค์ การสนทนากับพระศรีอารย์เทพบุตร
ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์จะมาตรัสรู้ในอนาคต ผู้ประสงค์จะได้พบศาสนาพระศรีอารย์จะต้องเคยฟังเทศน์มหาชาติให้จบในวันเดียว
พระมาลัยเถระกลับมายังโลกได้เล่าเรื่องราวให้อุบาสกอุบาสิกาฟัง
จนเกิดประเพณีเทศน์มหาชาติขึ้น ซึ่งเป็นปฐมเหตุการเทศน์มหาชาติ
การเทศน์มาลัยหมื่นมาลัยแสน
เทศน์ให้จบก่อนแต่ตอนเย็น
พอถึงวันรุ่งขึ้นจะได้เริ่มเทศน์มหาชาติได้เลย หากไม่มีการเทศน์ตอนเย็น
เช้ามืดจะจัดขบวนแห่ข้าวพันก้อนมาวัด
นิมนต์พระมาทำพิธีเริ่มเทศน์มาลัยหมื่นมาลัยแสน แล้วต่อเทศน์มหาชาติไปจนเสร็จ
.................. วันเทศน์มหาชาติ
มัคทายกจะตื่นแต่เช้ามืด
ชักชวนเพื่อนบ้านแห่ข้าวพันก้อนออกไปวัดกันจะมีผู้คนตื่นมาสมทบกันกลายเป็นขบวนใหญ่
ไปถึงวัดก็แห่รอบศาลา ข้าวพันก้อนบางส่วนบูชาที่คันธุงส่วนใหญ่จะนำไปบูชาที่ธรรมมาสน์
เสร็จแล้วรอพระเถระลงมาที่ศาลา จะมีพิธีไหว้พระสวดมนต์และอาราธนาเทศน์
พระก็จะเริ่ม บอกศักราชและเทศน์มหาชาติต่อไป
พระที่รับผิดชอบเทศน์กัณฑ์ทศพรอันเป็นกัณฑ์แรก
จะขึ้นธรรมมาสน์ต่อจากการบอกศักราชจบการเทศน์แต่ละกัณฑ์อาจแบ่งหนังสือผูกให้พระเณร
2-3 รูป เทศน์ติดต่อกันจบ ต่อไปก็กัณฑ์หิมพานต์ ทานกัณฑ์วนประเวสน์
ชูชก จุลพน มหาพน กุมาร มัทรี สักกบรรณ มหาราช ฉขัตติและ นคร
เป็นอันจบการเทศน์มหาชาติ เวลาประมาณทุ่มหนึ่งก็ควรจะจบได้
เป็นการเทศน์ติดต่อกันไม่หยุด ท่วงทำนองการเทศน์เป็นการอ่านทำนองหนังสือผูกของ
อีสาน
ผู้จะอ่านได้ดีต้องฝึกเหมือนอ่านทำนองเสนาะแต่เพราะกว่า มีลูกเล่นเยอะ
พระเณรที่เทศน์เก่ง ๆ จะถูกชาวบ้านตามไปนิมนต์แทบไม่มีเวลาว่าง
นอกจากนั้นมีการเทศน์แบบหกกษัตริย์ เป็นการเทศน์ทำนองแหล่อีสาน สมมติผู้เทศน์เป็นตัวละครในเรื่อง
เทศน์บรรยายเรื่องราวโต้ตอบกัน สอดแทรกคติธรรม ช่วยให้การฟังเทศน์สนุกสนาน
ฟังจนจบได้ไม่เบื่อ
ผู้ประสงค์จะฟังให้จบในวันเดียวจะไม่ยอมลงจากศาลา นั่งฟังตลอดวันจนจบ
จบการฟังเทศน์ก็จะมีพิธีขอขมาพระรัตนตรัยเป็นเสร็จการทำบุญมหาชาติ
...............ระหว่างมีการเทศน์บนศาลา
ชาวบ้านจะจัดกัณฑ์หลอน คือไทยทานต้นเงินต้นทอง แห่กันมาเป็นกลุ่ม ๆ เมื่อมาถึงวัดตรงกับช่วงเวลาที่พระรูปใดอยู่บนธรรมมาสน์พระรูปนั้นต้องรับกัณฑ์หลอนนั้นด้วยวิธีรับก็ไม่มีอะไรมาก
ชาวบ้านจะมาตามไปที่ที่จะทำพิธีถวายกัณฑ์หลอน
หัวหน้าจะนำไหว้พระรับศีลและถวายกัณฑ์หลอน พระให้พรเป็นเสร็จพิธี กัณฑ์หลอนจะมีเล่นกันสนุกทั้งวัน
นอกจากการรับกัณฑ์หลอนแล้ว โยมที่จับสลากเป็นผู้อุปถัมภ์กันฑ์เทศน์จะต้องเตรียมกัณฑ์เทศน์มาถวายพระที่เทศน์กัณฑ์ที่
ตนเองเป็นผู้อุปถัมภ์ด้วย
................. จบฟังเทศน์มาตลอดทั้งวัน
ก่อนเลิกรากันไปชาวบ้านจะทำพิธีขอขมาลาโทษพระรัตนตรัย นำหินอุปคุตไปคืนที่ท่าน้ำ
เป็นอันเสร็จสิ้นประเพณีบุญผะเหวด สำหรับความสนุกสนานของหนุ่มสาวนั้นไม่ได้พูดถึง
ทั้งที่มีความหมายมากเพราะหมายถึงโอกาสที่พวกเขาจะได้พบปะกัน
มีหนุ่มสาวต่างหมู่บ้านมาร่วมงานทำบุญมากหน้าหลายตา มีโอกาสได้รู้จักมักคุ้นกัน
นำไปสู่ความรักใคร่ชอบพอและมีไม่น้อยก้าวหน้าไปถึงขั้นแต่งการแต่งงานกันก็มาก ส่วนข้าพเจ้าเองไม่ได้ประโยชน์จากประเพณีนี้ในทำนองรัก
ๆ ใคร่ ๆกับเขาหรอก เพราะช่วงรุ่นหนุ่มไม่ค่อยเอาถ่านในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
จีบสาวไม่เก่งเอาแต่ทำมาหากินซะเป็นส่วนมาก
ครั้นมารู้เรื่องประเพณีวัฒนาธรรมเรื่องนี้
ก็ตอนห่มผ้าเหลืองแล้วก็เลยไม่ค่อยจะมีข้อมูลหนุ่ม ๆ
สาว ๆ มาเล่ามากนัก
ยิ่งได้เห็นประเพณีทำบุญสมัยใหม่รู้สึกว่าจะก้าวหน้ามากเกินไปจนน่าเป็นห่วงว่าต่อไป
จะมีชาวบ้านสนใจประเพณีที่ดีงามนี้กันบ้างหรือเปล่าหรือจะปล่อยให้เลือนหายไปกับกาลเวลา
------------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59
------------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น