วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิสาขบูชา

       
วิสาขปุณณมีดิถีสมัย    พระจอมไตรศาสดาสุนาโถ
ประสูติกาลตรัสรู้โพชฌังโค     สุคโตปรินิพพานกาลตรงกัน
สิบห้าค่ำเพ็ญจันทร์วันเดือนหก อุบาสกอุบาสิกามาพร้อมสรรพ์
รำลึกคุณพุทธองค์อเนกอนันต์  กตอัญชุลีนมัสการ
อรหังสัมมาสัมพุทโธ    น้อมมโนอภิวาทด้วยอาจหาญ
เลื่อมใสคุณพระผู้ปรีชาชาญ    ทั่วจักวาลอนุศาสน์คำศาสดา
ทรงพิสุทธิ์กายวจีมิมีหมอง      มนัสผ่องปราศธูลีมิกังขา
สัพพปาปัสสะพระวาจา อกรณาพึงเว้นห่างเวรกรรม
กุสลัสสูปสัมปทาครบ   ทำเจนจบความดีมีอุปถัมภ์
จักเจริญเพราะกุศลผลกะทำ    จักชี้นำส่องสว่างกระจ่างใจ
สจิตตปริโยทัปปนัง     คือพลังขัดจิตเจิดแจ่มใส
อันโลภหลงโทสะชำระไป        คือหลักชัยพุทธศาสน์ประกาศนาน
สองพันห้าสี่สิบห้าพรรษาแล้ว   พระจอมแก้วล่วงลับดับสังขาร
ยังคงอยู่คือความดีนิรันดร์กาล  มือประสานกราบก้มบรมครู ฯ
                 โอกาสวันวิสาขปูณณมีเวียนมาบรรจบอีกครั้งในวันที่ 25 พฤษภาคม 2545 ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง  เคย
ได้รับประโยชน์จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเอนกอนันต์ เคยได้ยอมรับนับถือปฏิบัติด้วยการทำบุญทำทาน ตอนแรก ๆ
ยังไม่ทราบคุณค่าของการให้ทาน เมื่อโตขึ้น ถึงได้เข้าใจว่า ท่านสอนให้รู้จักเสียสละ แบ่งปันความสุขแก่เพื่อนร่วมโลก ท่านสอนให้
ละความโลภ เพราะความโลภเป็นกิเลส ถ้าปล่อยให้สะสมในใจเรามาก ๆ ก็สามารถทำให้เกิดภัยแก่เราได้  เคยได้รักษาศีลห้า แม้
จะไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร ตอนหลังถึงได้ทราบว่าศีลห้าเป็นกฏหลักของการดำรงอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในสากลโลก
สังคมใดไร้ศีลสังคมนั้นก็ไร้ระเบียบกฏเกณฑ์อย่างสังคมเดรัจฉาน สังคมใดเคร่งในศีลถือเป็นสังคมที่มีจิตใจสูงท่านเรียก มน+อุสส
คือมนุสสะ (มน=ใจ ,อุสส=สูง)คำสอนของท่านสุดซาบซึ้งจริง ๆ  เคยได้ฝึกอบรมสมาธิวิปัสสนา แรก ๆ ทำตามอย่างเขาเพราะเขาบอก
ว่าได้บุญมาก ภายหลังถึงได้ทราบความจริงว่า ใจคือผู้บงการกายวาจา เป็นผู้สั่ง ผู้กำกับทุกอิริยาบถที่คนแสดงออก ถ้าใจเต็มไปด้วย
กิเลสคือ โลภ โกรธ หลง ก็ไม่น่าสงสัยว่าพฤติกรรมที่แสดงออก จะต้องเป็นไปในทิศทางที่สนองความโลภโกรธหลงนั่นเอง  สมาธิ
วิปัสสนา เป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไปจากใจ เป็นวิธีช่วยใจซึ่งเป็นใหญ่ให้เป็นใจที่บริสุทธิ์ ดังนั้นพฤติกรรมที่แสดงออก
ทางกายและวาจา จึงไม่เคลือบแฝงด้วยกิเลส คำสอนของท่านไม่มีข้อโต้แย้ง ถูกต้องชัดเจน นึกไม่ถึงว่าคนเมื่อสองพันปีที่แล้วจะ
เฉลียวฉลาดปานนั้น ขนาดคนปัจจุบันยังนึกไม่ออก หนังสือเรียนสมัยก่อนที่บอกว่า "แต่ก่อนคนเรายังโง่" ควรจะแก้ไขเป็น "เดี๋ยวนี้
คนเราโง่กว่า" ขนาดมีหลักคำสอนชี้นำให้ชัดเจนปานนั้น ยังไปกราบต้นกล้วยขอหวยกันอยู่ จะโลภกันไปถึงไหนเชียว
               ด้วยรำรึกในพระคุณศาสดาดังกล่าวแล้ว โอกาสวันอันเป็นมงคลเช่นนี้จึงอยากกระทำอะไรสักอย่าง ตอบแทนพระคุณของ
ท่านบ้าง ก็เลยวางแผนเอาไว้หลายอย่าง ดังนี้
               1. จะทำบุญ  การทำบุญตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่านรวมเรียกว่าบุญกริยาวัตถุ 3 ประการ ได้แก่ ทาน ศีล และ
ภาวนา  ท่านอธิบาย ว่าทำบุญทั้งสามวิธี มีจุดประสงค์หลักคือ ชำระกิเลส 3 ตัวเบิ้ม ๆ คือ โลภะ โทสะและโมหะ ส่วนเรื่องสวรรค์ เป็น
เรื่องเล็กน้อยไม่ใช่สาระการทำบุญ เหมือนคนสั่งสมทรัพย์สินมาก ๆ ความสุขความสบายก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ดังนั้นจุดประสงค์หลักการ
ทำบุญคือชำระกิเลศ จึงตั้งใจจะทำบุญให้สอดคล้องกับหลักคำสอน ด้วยวิธีการ ดังนี้
                   1.1 จะให้ทาน เพื่อคนอื่นจะได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ให้ เงินสิบบาท ให้คนยากจน เขาสามารถนำไปซื้ออาหารเลี้ยง
ครอบครัวได้ 1 วัน แต่เงินสิบบาทเท่ากัน ใส่ซองผ้าป่า ไม่รู้เหมือนกันว่าค่าเงินสิบบาทจะมีค่าเท่ากับให้คนยากคนจนหรือเปล่า
มันอาจกลายเป็นค่าปูนซีเมนต์ก่อซุ้มประตูโขงก็ได้ หรืออาจกลายเป็นค่าเหล้าพวกไปแจกซองก็ได้ ดังนั้นการให้ทานคงต้องคิด
รอบคอบพอสมควร มิใช่สักแต่ว่าใครอยากได้ก็ให้ ซึ่งพวกฉวยโอกาสมีมาก ถือโอกาสที่เราอยากทำทาน ชักจูงให้เสียเงินมาก ๆ
โดยไม่จำเป็น ทำทานปีนี้ ตั้งใจจะตักบาตรตามปกติแล้วพาเด็ก ๆไปนมัสการเจ้าอาวาส สนทนาธรรม ก็พอ
                  1.2 จะรักษาศีล 8 ซักวัน ปกติถือศีล 5 ข้อเป็นปกติศีลอยู่แล้ว คือไม่ยอมให้ศีลขาด ถ้าขาดเมื่อไรก็รีบต่อศีลทันที เพราะ
สมาทานศีลด้วยตนเอง ไม่อยากรบกวนพระ เช้าขึ้นมาก็อธิษฐานจิตว่า วันนี้เราจะรักษาศีล 5 มิให้ขาด ก็พยายามรักษาไป ถ้าบังเอิญ
ตอนเย็นถูกลากเข้างานเลี้ยง หลบไม่ได้ต้องจิบเบียร์ ก็ต้องรู้ว่ากำลังจะทำให้ศีลขาด วันนั้นก็ขาดทุน กลับบ้านก็สมาทานใหม่
แต่วันวิสาขบูชา คงเข้มงวดมากขึ้นสักวันเป็นรักษาศีล 8 ก็สมาทานเองอีกนั่นแหละ งดทานข้าวหลังเที่ยงวันเป็นต้นไป  งดนอนฟูก
ซักวัน เครื่องสำอาง เครื่องหอมตกแต่งร่างกาย ไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว ยิ่งสิ่งที่เป็นอพรหมจรรย์ ยิ่งรักษาง่ายเพราะไม่ยุ่งเกี่ยว ดังนั้นจึง
มั่นใจว่า รักษาศีล 8 วันวิสาขะ เรื่องเล็กทำได้สบาย ๆ  ศีลช่วยระงับโทสะได้ดีมาก จากที่เคยใจร้อนวู่วาม เดียวนี้รู้จักยับยั้งชั่งใจ
เย็นลงมาก ต้องขอบพระคุณท่านที่แนะนำให้เรารักษาศีล  ส่วนใครที่อวดว่าถือศีลเคร่ง ๆ แต่ปากจัดกว่าแม่ค้าตลาดสดละก็แสดงว่า
รักษาศีลแต่ศีลไม่ช่วยละโทสะ แบบนั้นเป็นการรักษาศีลแล้วขาดทุน
                  1.3 จะภาวนาให้เกิดบุญ  ภาวนาเป็นการฝึกอบรม ผลการภาวนาคือทำให้เกิดปัญญา เมื่อมีปัญญา โมหะคือความโง่เขลา
จะเบาบางลงไป ช่วงวันวิสาขบูชา จะภาวนาให้เกิดปัญญา กำจัดสิ่งที่ยังโง่เขลา  มีอยู่อีกมากมายหลายเรื่องที่ยังโง่เขลา จะศึกษา
ค้นคว้าให้รอบรู้ในเรื่องนั้น ๆ ให้ได้ และจะนั่งสมาธิวิปัสสนาเพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจ ฝึกให้สมาธิเข้มแข็งและแนบนิ่งยาวนาน ซึ่ง
เป็นอาการของสมาธิที่เข้มแข็ง สมาธิที่เข้มแข็งย่อมมีพลัง มีคุณประโยชน์ต่อพฤติกรรมทางกายและวาจา
             2. จะช่วยขยายหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ให้คนอื่นได้รู้หลักการที่ถูกต้อง เนื่องจากปัจจุบันหลักคำสอนพุทธศาสนา ถูก
นำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมมีมากเหลือเกิน เช่นสอนให้ทำทานแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ ซึ่งเป็นการสอนที่ผิด เพราะอาการการอยากขึ้น
สวรรค์เป็นอาการของความโลภมาก อยากได้ อยากมี อยากเป็น เป็นการสอนให้สละความโลภตัวน้อย ๆ คือข้าวปลาอาหารราคา
ไม่กี่สิบบาท เพื่อหวังผลที่มากกว่า คือทิพย์วิมานและข้าทาสบริวารมูลค่านับล้านบนสวรรค์ ทำทานแบบนี้ตลอดชีวิตก็กำจัดโลภไม่ได้
             รักษาศีลก็สอนกันไม่ครบ ต้องหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนศาลาวัดรักษาศีล  กลับมาบ้านยังออกอาการเจ้าโทสะเหมือนเดิม
ความจริงรักษาศีลต้องรักษาอยู่ที่บ้าน อยู่ในชุมชน คนจะฆ่าตีกันก็นอกวัด จะลักข้าวของกันก็ลักในหมู่บ้าน ผิดลูกเมียเขาก็เป็นใน
หมู่บ้าน โกหก เมาสุราอาละวาด เหตุเกิดในชุมชนทั้งนั้น แต่เกณฑ์คนไปรักษาศีลที่วัด จุดประสงค์ที่จะใช้ศีลช่วยจัดระเบียบชุมชน
ก็ไม่บรรุผล
            ภาวนาก็สอนไม่ครบ จะสอนให้นั่งสมาธิวิปัสสนาเท่านั้น ผลปรากฏว่า แทนที่จะกำจัดโมหะ คือความโง่เขลา กลับทำให้เกิด
งมงายมากกว่าตอนยังไม่ไปนั่งสมาธิ เช่นหลงสมาธิวิปัสสนาจนต้องอพยพไปอยู่วัด ละทิ้งครอบครัวถิ่นฐานบ้านช่อง กว่าจะรู้ว่าหลงทาง
ก็มักจะสายเกินแก้  ภาวนาที่ถูกต้องจะทำให้คนฉลาด มีสติปัญญามั่นคง ไม่ถูกหลอกให้หลงผิดงมงาย
             3. ด้วยสำนึกในคุณของพระศาสนา ในวาระวันสำคัญเช่นนี้ ขออธิษฐานจิต ตั้งความปรารถนาดี 3 ประการ
                 3.1 ขอให้หลักคำสอนที่ถูกต้องของพระศาสดา ยืนอยู่คู่กับสังคมโลกตลอดไป ขอให้คำสอนที่เป็นกาฝากแอบแฝงทั้งหลาย
เสื่อมสลายไป อย่าได้เป็นพิษภัยต่อศาสนา
                 3.2 ขอให้ศาสนิกชนที่ปฏิบัติตามหลักคำสอนที่ถูกต้อง จงได้รับความสุขความเจริญตามสมควรแก่เอกัตภาพ ศานิกชน
ที่หลงผิด ปฏิบัติไม่ ชอบด้วยหลักคำสอน จงได้พบหลักธรรมที่ถูกต้องชอบด้วยเหตุและผล กลับตนกลับใจประพฤติปฎิบัติในแนวทาง
ที่ถูกที่ควร เป็นกำลังของศาสนาสืบไป
                 3.3 ขอให้ได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้รับแสงสว่างแห่งชีวิตตลอดไป
          สาธุ
หมายเหตุ  ชื่อ 12 เดือนภาษาบาลีที่เกี่ยวข้องกันวันบูชาต่างๆ
มิคสิรมาส       เดือน  1
ปุสสมาส        เดือน  2
มาฆมาส        เดือน  3
ผัคคุณมาส      เดือน  4
จิตตมาส        เดือน  5
วิสาขมาส       เดือน  6
เชฏฐมาส        เดือน  7
อาสาฬหมาส   เดือน  8
สาวนมาส       เดือน  9
ภัทรปทมาส    เดือน  10
อัสสยุชมาส     เดือน 11
กัตติกมาส      เดือน  12


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น