วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อัจฉริยะแบบไหน





.......เรียนวรรณคดีไทย ครูมักเล่าชีวประวัติกวีบางท่านให้ฟัง ตอนฟังเรื่อง ราวของศรีปราชญ์ ครูเล่าสนุก ตอนไปเติมโคลงพระเจ้าแผ่นดินที่พ่อเอามา ทำการบ้านถวาย คือบทว่า
...........อันใดย้ำแก้มแม่ หมองหมาย
.....ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย.............ลอบกล้ำ
......(ผิวชนแต่จักกลาย..............ยังยาก
......ใครจักอาจให้ช้ำ.................ชอกเนื้อเรียมสงวน)
.........อ้ายศรีลูกชายคนโปรดพระยาโหราธิบดี ที่นำกระดานพระเจ้าแผ่นดิน นิพนธ์ค้างอยู่มาทำการบ้านถวาย กะอาบน้ำแล้วจึงจะมาดู เอาสิ่งของไปเก็บ ห้องพระที่เป็นเหมือนห้องทำงานด้วย เจ้าศรีมาเห็นกระดานมีโคลงแค่สอง บรรทัด อ่านแล้วนึกสนุกก็เติมให้อีก 2 บรรทัดจบพอดี แล้วก็หนีไปวิ่งเล่น พระยาโหราธิบดี อาบน้ำเสร็จก็จะมาดู มาเห็นก็รู้ว่าเป็นฝีมือซุกซนของอ้ายศรีแน่ กำลังจะลบออกเกรงจะมีความผิด แต่อ่านอีกที เออมันแต่งได้ดี เลยเอาไปถวายและขอพระราชทานอภัย พระเจ้าแผ่นดินชอบใจไม่ถือโทษ และ ขอให้นำตัวไปถวายเป็นมหาดเล็กและได้ชื่อพระราชทานว่า ศรีปราชญ์ ฟังเรื่องที่ครูเล่าแล้วก็อัศจรรย์มาก เป็นไปได้ไง เด็ก 7 ขวบ แต่งโคลงได้ คมคายขนาดนั้น
.........ผมมีลูกสาวอายุ สามขวบกำลังจะส่งอนุบาลเมื่อเปิดเทอมใหม่ แม่ เขาเป็นหอบหืด เลยติดพ่อ ช่วงหนึ่งลูกหลานที่มาช่วยเลี้ยงกลับบ้านก็เอา ไปเที่ยวที่โรงเรียนที่สอนอยู่ นั่งรถไปส่งแม่ก่อน แล้วก็กลับมาโรงเรียนที่ เราทำงานอยู่ ทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายวิชาการ แต่ช่วยสอนวิชาพุทธศาสนา 8 ชั่วโมง กิจกรรมชุมนุมร้อยกรองอีก 1 ชั่วโมง มีสมาชิกชุมนุม 15 คน ชั่วโมง กิจกรรมลูกสาวก็ไปนั่งรวมกับพี่ ๆ ยุ่งแย่งทำกิจกรรมกับเขา เด็ก ๆหัวเราะ ชอบใจช่วยต่อปากต่อคำกับน้อง สนุกเฮฮากัน เพราะกิจกรรมที่สอนให้เด็ก
ปูพื้นฐานคือการต่อคำ ปกติครูวิชาอื่นเล่นกันอยู่แล้ว เด็ก 15 คน ล้อมวง ต่อคำกัน เล่น ....กิจกรรม....คำกลอน...สอนด้วย..ช่วยหน่อย.......... วันหลังลูกสาวอยากเล่นกับพวกพี่ ๆ เลยให้นั่งแทรกวงเป็นคนที่ 16 แรก ๆ พี่ที่นั่งข้างแอบกระซิบบอก ต่อได้หัวเราะชอบใจ ฟังพ่ออธิบาย ให้พูดได้ สองคำนะ ฟังพี่คนนี้พูดจบ เสียงอะไร หนูก็พูดคำอื่นที่เสียงคล้ายกัน อีกคำพูดอะไรก็ได้ สามรอบเอง ไม่ต้องกระซิบแล้ว เวรจริง ๆ เลิกเรียนไปรับแม่ ชวนต่อคำไปตลอดทาง รับแม่เสร็จกลับบ้านเอาอีก จนแม่ยอมแพ้ ต้องซื้อ ขนมแจกถึงยอมเลิก
.........แกล้งลูกสาว ชอบต่อปากต่อคำ นึกสนุกเลยบอกว่ามากกว่าสองคำ ได้ไหม นั่นควายดำ ทำอะไร ไล่นกหน่อย ค่อยเดินไป นึกว่าจะยอม เล่น ต่อปากต่อคำทีละ 3 คำได้ ไปชั่วโมงกิจกรรม ไปเล่นกับพี่ ๆ แล้ว งง กันทั้งกลุ่ม พอถึงช่วงสามคำ เล่นกับพี่ ๆ ได้เลย ขั้นต่อทีละ 5 คำ 6 คำ สมาชิกรอน้องหมูก่อน น้องก็ไม่ให้รอยากหรอก เห็นพี่ ๆ เดินผ่านหน้าห้อง วิชาการวิ่งไปกะเขาเลย เสียงเฮฮาที่ห้องกิจกรรม รู้แล้วว่าลูกสาวอยู่นั่น ให้เล่นพลิกแพลงไปเรื่อย เดิมรับด้วยคำที่ 1 เปลี่ยนกติกาใหม่ ใครรับด้วย คำที่ 3 ถือว่าเยี่ยม การต่อคำเลยหลากหลาย 

..........วันนี้ชวนน้องหมู..........ดูพวกพี่ต่อปาก.......ลำบากหน่อยนะคะ.... จะลองหน่อยไหมหมู........จะลองดูคะพี่.....ฮาตึงเลยเพราะหมูน้อยเล่นต่อ ด้วยคำที่สาม....คนอื่นคงแปลกใจ แต่เรารู้เล่นกันมาตลอดทาง กติกาตอน อยู่บนรถ อะไรก็ได้ต้อง 5 คำ ตอบก็ต้องต่อแบบการต่อคำ เอาคำที่สามรับ ........โน่นพ่อมีวัวควาย........มันลับหายไปแล้ว......นั่นนกแก้วใช่ไหม.......นก อะไรเป็นแก้ว.......หิวข้าวแล้วยังหมู..........ถามแม่ดูมีขนม......ฯลฯ
.........เด็กชุมนุมเราเก่งขึ้นทั้งการกำหนดจำนวนคำ และกำหนดตำแหน่ง คำรับก็เลยเข้าสู่การแต่งกาพย์ยานี 11 จัดกลุ่มได้ 3 กลุ่ม 4 คน ยืมรุ่นพี่ ที่เก่งแล้วมาช่วย 1 คนได้เพิ่มอีก 1 กลุ่ม วันไหนลูกหมูมา ใช้ลูกหมูเสริม กติกาติด เบอร์ 1 2 3 และ 4 เบอร์ 1 เริ่มเขียนตามสบาย 5 คำและส่งให้ เบอร์ 2 ต่อคำรับด้วยคำที่ 3 ใช้หกคำ เสร็จส่งต่อให้เบอร์ 3 ต่อคำด้วยใช้คำ สุดท้าย 5 คำ ส่งไปเบอร์ 4 จบตามสบาย 6 คำ ไม่รับสัมผัสใด ๆ น้องหมู พี่ ๆเขาให้อยู่เบอร์ 4 พี่เบอร์หนึ่งช่วยเขียนให้ตามน้องบอก....
.........ส่งมาครูตรวจ ไม่ผิดฉันทลักษณ์ซักบทเดียว คำเพราะดีทุกกลุ่ม แต่นั้นมาเวลานั่งรถไปกับพ่อเป็นต้องต่อปากต่อคำด้วยกาพย์ยานี 11 สด ๆ
.......นั่นควายทำไรพ่อ.......ลูกร้องมอคงหิวนม
........น่ารักและน่าชม.........แม่มันยืนรอลูกมัน ฯ
.......แล้วนั่นต้นอะไร..........มะม่วงไงหมูรู้น่า
.......อีกต้นที่ใหญ่กว่า.........นั่นต้นโพธิ์นี่ต้นไทร ฯ
........เล่นกับลูกจนเปิดเทอมไปส่งเข้าเรียนอนุบาล ก็ยังมีเล่นสนุกกันอยู่ ไปส่ง ผอ.โรงเรียนท่านจะไปเยี่ยมลูกหลานที่เชียงคาน ลูกสาวไปด้วยชวน พ่อคุยเป็นกาพย์ยานี ผอ.ครูภาษาไทยเก่า ฟังก็รู้ ขอลองเล่นด้วย สนุกกัน ไปตลอดทาง 49 กิโลเมตร ขากลับลูกสาวหลับ ผอ.ประหลาดใจทำไมเด็ก อนุบาลเองว่ากาพย์ปากเปล่าได้ อย่าว่าแต่ ผอ.เลย ศึกษานิเทศก์ เพื่อนแม่น้องหมูมาเยี่ยมบ้าน ได้ทดลองเล่นกับลูกหมู หัวเราะชอบใจ ชวนไปออก รายการทีวี ขอนแก่นเขามีห้องส่ง มีรายการประเภทเด็กอัจฉริยะ แต่ประเภท ว่ากลอนสดปากเปล่า แบบเด็กอนุบาลยังไม่มี แต่เราไม่ให้ไป เพราะไม่ใช่ อัจฉริยะจริง ๆ ศน.คนนั้นก็ยังเป็นเพื่อนทักทายเฟซกันจนทุกวันนี้ ส่วนลูกสาว ไปเรียนเทคโนสารสนเทศ ม.มหาสารคาม เป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานอยู่ กรุงเทพ ฯ เห็นว่าทำงานรับจ้าง อสมท.เจอพ่อคุยว่าเจอดาราบ่อย ๆ ก็ขำ ๆ นะ โม้กับ คนอื่นพอไหว นี่มาโม้กับพ่อ แกสู้ไม่ได้หรอก เพราะดาราสวย ๆ หล่อ ๆ ไปเยี่ยม พ่อถึงบ้านทุกวัน อาหมูงง ก็ต้องเฉลย เขามาทางทีวีจ้า
..........จากกาพย์ยานีกิจกรรมชุมนุมรอยแก้วก็พัฒนาไปถึงกลอน ด้วยวิธี เดียวกันเด็ก ม. 2-3 แต่งกลอนคล่องยังกะผู้ใหญ่ รู้จักการวางระดับเสียง ท้ายวรรค รูจักสัมผัสเลือน สัมผัสลัด รู้จักละลอกทับละลอกฉลอง กลอนก็ งดงามเหมือนผู้ใหญ่แต่ง เขามีประกวดโต้กลอนสดแบบเขียนใส่กระดาษ โรงเรียนขอยืมเด็กไปแข่ง เขามีแข่งระดับ ม.ปลาย ได้รองชนะเลิศมา เด็ก มาต่อว่าเรา ทำไมทีมนั้นเขียนกลอนผิด ๆ ยังชนะพวกหนู เราน่ะรู้ กรรมการ ไม่รู้จักสัมผัสเลื่อน สัมผัสลัด ยิ่งละลอกทับ ละลอกฉลอง ไม่กระดิก ไปแย้ง ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ก็แถมรางวัลพิเศษให้ ไปทานข้าวกับน้องหมูที่บ้าน ลืมประกวดไปเลย ชอบ ใจได้เจอน้อง อนุบาล 2 แล้ว
........ผมเขียนถึงเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่า อัจฉริยะ มันหายาก แต่ความสามารถ ของคนเราฝึกได้ แต่อย่าไปตั้งธงไว้ก่อน เอาให้เป็นกิจกรรมการเล่นสนุก ๆ ไม่เครียด ก็จะเล่นไปได้เรื่อย พอคล่องตัวแล้วค่อยปรับเข้าสู่แบบแผน เหมือน หัดขี่จักรยาน แรก ๆ ก็เล่นสนุก ๆ ล้มบ้าง ไปได้บ้าง พอขี่ได้ก็สบาย ไปทาง
ราบเรียบก็ได้ ไปตามคันนาก็ได้ จบล่ะนะ

หน่อย หมู นก

หมู

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เล่าประสบการเรียนแต่งโคลง

ขุนทอง ศรีประจง
         ผมหัดแต่งกาพย์ยานี 11 ก่อนแต่งกลอนและโคลง ส่วนฉันท์มาอันดับสุดท้าย เวลาจะ
เรียนเรื่องโคลงเมื่อไร ครูจะยกโคลงตัวอย่างอยู่ 2 บท คือจากลิลิตพระลอ..เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย เสียงย่อมยอมยศใคร ทั่วหล้า สองเขือพี่หลับใหล ล่มตื่น ฤๅพี่ สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ ......หรือไม่ก็จากเรื่อง นิราศนรินทร์ บทว่า จากมามาลิ่วล้ำ  ลำบาง บางยี่เรือราพลาง  พี่พร้อง  เรือแผงช่วยพานาง เมียงม่าน มานา  บ่างบ่รับคำคล้อง คล่าวน้ำตาคลอ จนจำได้ เวลาครูให้เขียนแผนผังก็ท่องมาทีละคำ  คำละ 1 วงกลม มันจะได้รูปแผนผัง วรรคแถวหน้า 5 คำ วรรคแถวหลัง 2 คำ เว้นวรรคสุดท้าย 4 คำ บาทที่ 1 และ3 มีสร้อยได้ 2 คำ  แค่นี้ก็ครบ เอก 7 โท สี่ คำที่ท่อง คนแต่งท่านวางไว้ตรงแผนบังคับ ไม่ขาดไม่เกิน เขียนแผนผังแล้วก็เติม เอก โท สุดท้ายก็สัมผัสเสียงสระคำท้ายบาทที่ 1 สัมผัสท้ายวรรคหน้า บาทที่ 2 และ 3 สองจุด คำท้ายบาทที่ 2 เป็นคำโท ก็สัมผัสคำโทท้ายวรรคหน้า บาทที่ 4 เรียบร้อยครับ

            (บาทที่  4 วรรคหลังมี 4 คำ มีสร้อยได้อีก 2 คำนะ แผนผังส่วนมากไม่ลง เพราะเห็นว่า 4 คำ
ก็เพียงพอแล้ว  เอาไว้แต่งโคลงสอง โคลงสาม ค่อยใส่เต็มที่)

..........คำเอกคำโทคือด่านสำคัญที่กระผมไม่ยอมหัดแต่งโคลง คือขี้เกียจนึกหา วันหนึ่ง
รู้สึกรำคาญ ก็เลยจะลองนึกหาคำเอกโทคู่กันให้ได้มาก ๆ เอาสัก 100 คู่ เขียนลงสมุด 
พี่น้อง พี่ข้า พี่บ้า พี่แป้ง พี่น้อม พี่สร้าง  พี่อ้าง พี่น้อย พี่ป้า พี่ป้อน  พี่ให้ พี่ใช้  เออนึก

ได้เหมือนกัน  สมุดเล่มละบาท เต็มพอดี มีแต่คำเอกโท  รู้สึกพอใจนะ แสดงว่าคงไม่ติดคำเอกคำโทแน่  ต่อไปก็ลองนึกหาคำตาย ถ้าจำเป็นต้องใช้แทนคำเอก ไปท่องกฎก่อน ข้อแรก คำประสมสระเสียงสั้นในแม่ ก กา ทุกคำเป็นคำ ตาย สบายมาก จะ ริ ลุ เละ และ
ก็ดีนะ  คำที่สะกดด้วยแม่ กก  กด กบ  ปก ปิด ปบ  นก นัด นบ ไม่ยากนักพอหาได้
ตรงนี้มีข้อสังเกตคือ คำตายใช้แทนคำเอก เป็นคำตายก็ใช้ได้ ส่วนเสียงคงไม่ต้องเคร่ง
ถึงขนาดต้องเสียงเอก เพราะคำเอกจริง ๆ ก็ไม่ได้มีเสียงเอกเสมอไป เช่น ต่าง (เอก)
ช่าง (โท) ค่าง(โท) ล่าง (โท)
................ผ่านสองด่านนี้ได้ ก็ลงมือหัดแต่งโคลงได้แล้ว ใช้หลักเดียวกับแต่งกลอน
คือเรียบเรียงด้วยร้อยแก้วไปก่อน ค่อยมาขัดเกลาให้เป็นโคลง(ผมไม่ไดคิดเองนะวิธีนี้ ครูผม ดร.อัมพร  สุขเกษม ตอนนั้นเรียน มศว.มหาสารคามท่านแนะนำไว้ รวมทั้งเรื่องวิเคราะห์แผนผังโคลงชนิดต่าง ๆด้วย)
...............ไปเรียนหนังสือ................โรงเรียน บ้านเรา
.........คุณครูใจดีมาก........................ดีใจ
.........เพื่อนเพื่อนรู้จักกัน..................หลายคน นะนี่
.........เพื่อนใหม่มีหลายคน...............ได้รู้จักกัน


ปรับแต่งให้มีคำเอกคำโทบ้าง

 ..........ไปเรียนที่บ้าน......................โรงเรียน  เราแล
 ...........ครูท่านใจดีมา.....................บอกให้
 ..........เพื่อนเรานี่หลายคน...............รู้จัก  กันนา
 ..........คนบ่เคยรู้ได้.........................ได้รู้จักกัน


บาทที่ 1 คำ  ที่บ้าน ตรงตำแหน่งแล้ว 
บาทที่ 2 คำ ท่าน ตรงตำแหน่งคำเอก  บอก คำตายแทนคำเอก ให้ คำโท ครบ 3 ตำแหน่ง
บาทที่ 3 คำ นี่ บังคับ เอก ตรงแล้ว รู้จัก คำจัก คำตายแทนคำเอกได้
บาทที่ 4 รื้อแรงมาก บ่ คำเอก คำ ได้ ตำแหน่งคำ โท  ได้ ตำแหน่งคำเอก ต้องแก้ รู้ตำแหน่งโท ตรงแล้ว
แนวทางแก้รอบ 2  บาทแรกท้ายบาทคือคำ เรียน บาท 2 วรรคหน้าคำท้ายคือ มา
บาท 3 คำท้ายวรรคหน้า คน ไม่รับทั้งสองคำ แก้ไข มา ใช้คำว่า เวียน แทน คน แก้ไขเป็น เพียร บาทสุดท้ายแก้ ได้เป็นย่อม ออกมาเป็นดังนี้


.............ไปเรียนที่บ้าน.......................โรงเรียน  เราแล
 ...........ครูท่านใจดีเวียน.....................บอกให้
 ..........เพื่อนเรานี่หลายเพียร.... .........รู้จัก  กันนา
 ..........คนบ่เคยรู้ได้............................ย่อมรู้จักกัน


ตรวจทาน  บาทแรก ครบเอกโท มีสร้อยด้วย 2 คำ
บาทที่ 2 เอกโทครบ รับสัมผัสถูกที่ ความขัด ๆ บ้าง ปล่อยไปก่อน
บาท 3 คำเอก 2 ที่ ครบ สัมผัสรับแล้ว สร้อยก็ใช้ได้
บาท 4 เอกโทครบ สัมผัสคำโทก็ใช้ได้แล้ว 


-
ขัดเกลาให้ไพเราะ
              ปอหนึ่งเรียนที่บ้าน...............โรงเรียน เราแล
          ครูท่านคอยวนเวียน................สั่งให้
          หลายคนเพื่อนเดิมเพียร...........พบบ่อย  แลนา
          มีบ่เคยพบได้..........................ย่อมรู้จักกัน  


..........น่าจะปรับมากพอแล้ว จากข้อความธรรมดา ขัดเกลาจนเป็นโคลง สังเกตดูเนื้อหาที่นำเสนอเป็นเรื่องเป็นราว เกี่ยวข้องกัน เพราะเทคนิคเรียบเรียงร้อยแก้วก่อนนั่นเองส่วนความ ไพเราะของโคลง  ดูจากตรงไหน 
.......1. โคลงไพเราะที่ จังหวะเวลาอ่านออกเสียง  วรรคหน้า มี 5 คำ ถ้าอ่านแบบจังหวะ  2-3ได้จะดูรื่น มากกว่าอ่าน 3-2  หรือไม่มีจังหวะเลย ดังนั้นแต่งจบให้ลองอ่าน 2 – 3 ดู ถ้าอ่านได้ไม่ติดขัดแสดงว่าจังหวะ ใช้ได้  ส่วนวรรคหลัง 2 คำ 4 คำ อ่าน 2 -2 ได้ก็ดีแล้ว


.......2.  เสียงสัมผัสบังคับ ส่งเสียงสามัญ รับด้วยเสียงสามัญ ก็ดูเรียบร้อยดี ส่งด้วยเสียงเอก เสียงโท รับด้วยระดับเสียงเดียวกัน ก็อ่านรื่นดีกว่าส่งด้วยต่างระดับเสียง  การรับส่งที่ต่างระดับเสียง ไม่ได้ผิดฉันทลักษณ์ เพียงแต่เวลาอ่านมันดูรื่นดีกว่ากันเท่านั้นเองเช่น


               นาง ส่ง รับด้วย  จาง  ปาง ทาง คราง (ห่าง ช่าง ค้าง ต่างระดับ)
               ห่าง ส่ง รับด้วย อ่าง  ต่าง  สร่าง  (หาง  บ้าง ค้าง ต่างระดับ)
               อ้อย ส่ง รับด้วย ถ้อย  ห้อย  ก้อย  (ร้อย ช้อย ค้อย ต่างระดับ)


........3..สัมผัสในในการแต่งโคลงนิยมใช้ทั้งสัมผัสสระ และสัมผัสพยัญชนะ ที่นิยมมากคือสัมผัสพยัญชนะ โดยเฉพาะคำเชื่อมต่อระหว่างวรรคในแต่ละบาท  คือคำที่ 5-6 สัมผัส
พยัญชนะได้ถือว่ามีฝีมือ ตัวอย่างเช่น ถ้าวรรคหน้า ลงด้วยคำพยัญชนะต้นเสียงใด เราก็จะนึกหาคำมาเริ่มวรรคหลัง เสียงเดียวกัน สมมติวรรคหน้าแต่งว่า........


สัมผัสโคลงส่งให้.....................หากเห็น      (คำพยัญชนะต้น ห)
เสียงส่งรอยต่อวรรค................ว่าไว้            (คำพยัญชนะต้น ว)
เสียงเดียวสัมผัสเสียง...............สวยส่ง.        (คำพยัญชนะต้น ส)
เสียงส่งรับเช่นนี้..................... หนึ่งแท้ควรทำ (คำพยัญชนะต้น น)


 ..............ในวรรคจะเล่นสัมผัสสระ สัมผัสพยัญชนะ เพิ่มให้โคลงไพเราะมากกว่าปกติ
ฝึกแต่งบ่อย ๆ ก็จะทำได้เอง เช่น......เล่นสัมผัสพยัญชนะ  


              เขียนโคลงคำคล่องขึ้น...........ขีดเขียน
พึงเพ่งพอพากเพียร..............................พิศแพร้ว
จำใจจ่อจดเจียน...................................จักจอด  จริงแล

ลองเล่นลิงโลดแล้ว...............................เล่นแล้วลวดลาย 


……
4. การเล่นคำ แต่งโคลงบางทีเห็นกวีท่านเล่นคำบางคำ หลายความหมาย ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว ทำได้ก็ช่วยให้โคลงน่าอ่านมากขึ้น คำเดียวเอาไปใช้ให้เกิด มีหลายความหมาย เช่น   ความรัก  รักเพื่อน รักพ่อแม่ รักตนเอง  รักชาติ รักดี  ฯลฯ  เห็นใจ  เห็นชอบ  เห็นงาม  เห็นต่าง    พอใจ พอเพียง  พอพบ  พอพราก พอค่ำ


...........5. การแทรกเนื้อหาสาระ  คำร้อยกรองทุกชนิด นิยมใช่สื่อสาระเช่น ความรู้ หลักการ ค่านิยม นิทาน คำสอน ดีกว่าเขียนลอย ๆ
ผู้เขียนควรฝึกบ่อย ๆ จะชำนาญเอง โคลงกระทู้เหมาะสำหรับฝึก สื่อสาระ เพราะเอากระทู้เป็นหัวข้อขยายความ
ฉันทะ.......พึงชอบด้วย.................ก่อนทำ
วิริยะ........กิจกรรม.......................มั่นไว้
จิตตะ.......คิดตรองนำ...................ลุล่วง แลนา
วิมังสา.....แลล้วน.........................รอบด้านจึ่งควร


ขอควรระวังในการแต่งโคลง

               1.  สัมผัสบกพร่อง  เกิดจากเอาคำเสียงสั้น รับส่งสัมผัสกันกับคำ เสียงยาว โดยเฉพาะคำที่ใช้สระลดรูป เห็นเผลอกันบ่อย   ขัน-----นาน  (อะ+ น กับ อา+น)  ใคร ----กาย   ใคร
= อัย(อะ+ย)  กาย (อา+ย)  เห็น---เกณฑ์ เห็น  (เอะ+น)  เกณฑ์  (เอ+น)   น้ำ—ยาม
น้ำ(อะ+ม) ยาม (อา+ม)


............2. ใช้คำอนุโลมจนเสียงเกินพอดี คำเดียวมีหลายพยางค์ ครูบอกอนุโลมนับเป็น 1 คำได้  ซัก 2 พยางค์ มีเสียงสั้น ๆ จะดูดีกว่า เสียงยาว ๆ เช่น จตุ  อริ ระบำ  ละมุด  ขนาดนี้ พอไหว ถ้ายาว ๆอาจไม่ดี  โรงเรียน  บ้านเกิด  แม่วัว  บัวแดง  แมงมุม  ยิ่งมากพยางค์ยิ่งไม่ควรใช้ เช่น กรณีย์ กิริยา  วิริยะ  ใช้แต่นับคำเดียว ไม่ดี


............3.  คำภาษาปาก ครูสอนว่าไม่ควรใช้ในการแต่งร้อยกรอง คงดูว่าไม่เรียบร้อย โดยส่วนตัวเห็นแย้ง บางครั้งต้องใช้ กรณีที่การตอบโต้หรือสนทนากันโดยใช้ร้อยกรองเหมือนศรีปราชญ์เกี้ยวสาวชาววัง อ่านแล้วนึกภาพออกทันที     หรือการเล่าเรื่องที่มีการสนทนา ตอบโต้กัน อาจจำเป็นต้องแทรกภาษาพูด ไม่ถือเสียหายอะไร แต่ประเภทภาษาปากหยาบคายจะเลี่ยง ๆบ้างก็ดี เพราะเวลาพูดกันยังละไม่พูดคำหยาบคาย
............4. คำซ้ำเสียงใช้รับสัมผัสคำพ้องเสียง  ขาย.....ข่าย   ค่าย    คลาย   คล้าย ทั้งหมดนี่คือ เสียง ข ประสมสระ อา สะกดแม่เกย ผันวรรณยุกต์แตกต่างกันไป เป็นคนละคำคนละความหมาย เคยทักท้วงผู้แต่งที่เป็นครูอาจารย์ เขาตอบว่าใช้ได้ คนละคำ คนละความหมาย ซึ่งก็จริง เรามันมือสมัครหัดแต่งใหม่ ไม่ควรนำมาใช้ในการรับส่งสัมผัส  ถือว่าคนแต่งจนแต้ม หักคะแนนได้ด้วยนะเออ


............5. สัมผัสลัด ชิงสัมผัส  ในโคลงเกิดได้เช่นกัน ที่เห็นได้ง่ายคือ คำท้ายบท โดยมรรยาทจะใช้คำท้ายบาทที่ 1 บทถัดไป คือคำที่ 7 รับสัมผัส อย่าให้มีเสียงเดียวกันในตำแหน่งคำที่1- 6 เลย ถ้ามีถือว่าลัดสัมผัสหรือชิงสัมผัส ถือว่าบกพร่อง


              ภายในบทปกติในบทคำท้ายบาทที่ 1 คือคำที่ 7 จะส่งสัมผัสให้คำที่ 5 ของบาทที่ 2 และบาทที่ 3  ดังนั้นอย่าให้มีลัดหรือชิงสัมผัสปรากฏในตำแหน่งคำที่ 1 2 3 และ 4  ให้คำที่ 5 เขาได้ทำหน้าที่เต็ม ๆ  จะดีกว่า


............สรุปดีกว่าเพราะยาวแล้ว ที่พูดมาทั้งหมดคือโคลงสี่สุภาพ เป็นต้นแบบที่จะนำไปขยายไปแต่งเป็นโคลงชนิดอื่น ๆ ได้มากมายจะนำแผนผังมาแสดงให้ดู ก่อนจบจริง ๆ ดังนี้

ที่ตั้งใจเขียนโคลงสี่สุภาพ จบแล้วนะ แต่มีพวกขอ ต่ออีกหน่อยโคลงสุภาพยังมีอีกหลายชนิดนี่ พวกไหน พวกจะเอาไปสอนเด็กน่ะซีรู้นะ  ได้ไม่หวงหรอก..........มาดูกัน
---------------------
................จากแผนผังโคลงสี่สุภาพโปรดสังเกตให้ดี บาทที่ สี่ มีคำสร้อยได้ 2 คำนะ แต่ไม่นิยม ถ้าเราตัดเอาวรรคที่ 1 บาทที่ 1 เฉพาะวรรคหน้า 5 คำ มาวางหน้าบาทที่ 4 จัดเรียงใหม่จะได้ 14 คำ แถมสร้อย 2 คำ ลากคำที่ 5 กลุ่มแรกสัมผัสสระกับคำที่ 5 กลุ่มที่ 4 อ้าวมันกลายเป็น โคลงสองสุภาพไปแล้ว ง่าย ๆเอง แบบนี้ไง



……………เห็นโคลงสองแล้ว ลองเติมมาอีก 5 คำ ให้คำที่ 5 ส่งสัมผัสให้โคลงสองคำที่ 1/2/3 จัดเรียงใหม่จะเป็นโคลงสามทันที แบบนี้


……………เห็นโคลงสามที่เกิดจากโคลงสองไปแล้ว ให้เติมแค่ 5 คำนะถึงจะได้โคลงสาม ถ้าเติมมากกว่า 1 กลุ่ม 5 คำ คือเพิ่มมาอีก 5 คำ โยงสัมผัสต่อเนื่องกันไว้ เช่นโคลงสองดี ๆนี่แหละ เพิ่ม 1 กลุ่ม 5 คำ เรียกโคลงสาม เพิ่มอีก 1 กลุ่ม เป็นร่ายสุภาพไปเลย ไม่ใช่โคลงแล้ว แถมร่าย เติมได้ไม่จำกัดซะด้วย ดังนั้นจะพบว่าบางที 15 วรรค ยังไม่จบ



.............สรุปก็จริงแต่พูดยาวนะ เพราะแถมมา 3 เรื่องสำคัญ ๆ ด้วย อ่านแล้ววิเคราะห์ดูเอง จะได้หลักการของโคลงสุภาพและร่ายสุภาพเอาไว้ใช้ได้อย่างดีเลยแหละ จบครับ

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

กว่าจะพบโพธิ์


ต้นโพธิ์ทอง วัดเตาอิฐ พนมสารคาม แปดริ้ว




                                            (คลิพนี้ถ่ายเอง สังเกตต้นโทรมมาก)
กว่าจะได้พบโพธิ์
…..วานนี้ 24 สิงหาคม 2560 ยายที่บ้านชวนไปหาซื้อของใช้เพิ่มเติม เห็น ว่าจะมีเพื่อน ๆแวะมาเยี่ยม อยากให้ชิมน้ำมะพร้าวอ่อน ขนมตาลแล้วก็ข้าว เกรียบว่าว โห ตะละอย่างอยู่ไม่ไกลหรอก แต่มันอยู่คนละทิศ จะเที่ยงแล้ว ขอทานข้าวเที่ยงก่อนเถอะ ยายว่าจะเอาหมาไปด้วย อาบน้ำแต่งตัวให้มัน ก็คงเสร็จพอดี แม่บ้านเขาจัดการให้เรื่องอาบน้ำให้หมา
.......ดูเวลา 12.35 น. ก็ออกรถได้ แหล่งมะพร้าวน้ำหอมลูกละ 7-10 บาท ต้องไปที่สวนเขา เขตอำเภอบางคล้า รอบ ๆอุทยานพระพิฆเณศ ยืน มีคน ทำสวนมะพร้าวหลายร้อยไร่ ออกไปทางบ้านใหม่ วัดจีน ถึงคลองชลประทาน เลี้ยวขวาออกนอกเมืองละ น้ำในคลองช่วงนี้ค่อนข้างเยอะเพราะฝนตกบ่อย ไม่ต้องสูบน้ำใส่นา บ่อปลา บ่อกุ้ง มีสวนกล้วย มะม่วง ปะปนไปกับทุ่งนา คล้ายชนบทบ้านเรา แต่แถวนี้ชนบทสมัยใหม่ ว่างจากทำนาทำสวนก็ไม่ว่างจริง มีเลียงกุ้งเลี้ยงปลา ฐานะก็คงดีเพราะเห็นมีเครื่องจักรกลใช้งานกันแทบทุกบ้าน มีรถนั่งไว้ไปธุระในเมือง มีร้านรับซื้อกุ้งปลา หลายร้าน ไม่กล้าแวะถามกลัว เขาถามว่าจะเอากี่ลัง ซื้อกิโลสองกิโลเขาก็คงขายให้แต่เรารู้สึกอายเอง
.....ผ่านปากทางเข้าวัดสมาน อ้อวัดนี้เข้าทางนี้ก็ได้ อีกทางถนนสาย 304 ที่มาจากโคราชก็เข้าได้ เลยมานิดหนึ่งก็เลี้ยวขวาตามป้ายบอก ไปสวนปาล์ม ฟาร์มนก ของอดีตรองนายกโภคิน เขาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวบัตร 60-100 บาท เคยมาเที่ยว มีรถไฟฟ้าให้เช่า สองแถว จักรยานยนต์ สองล้อ เพราะที่กว้างเดินเหนื่อย ก็สวยน่าเที่ยว สมราคานั่นแหละ วันนี้ผ่านไปไม่ได้มาเที่ยว ออกตามป้ายบอกทางไปอุทยานพระพิฆเนศ เป็นองค์แรกมั้ง น่าจะดูแลโดยสมาคมชมรมคนนับถือเทพแบบอินเดีย เพราะได้ยินเสียง สวดมนต์ แบบภาษาแขก เคยมาเที่ยวนะ ถามคนที่ขายเครื่องบูชา เขาเล่า ให้ฟังว่าคนนับถือเทพองค์นี้กันมาก เพราะเป็นเทพที่ได้ชื่อว่าฉลาดปัญญาดี และมีฝีมือเป็นเลิศทางช่างและศิลปะ และชอบประทานพรให้เกิดผลโดยเร็ว แต่มีเคล็ดในการขอนะ เห็นรูปหนูอยู่ด้านหน้าองค์เทพไหม นั่นแหละเคล็ดละ หนูน่ะเป็น เทพบริวารคนสนิทของท่านเทพ ช่วยจดจำสิ่งที่คนมาบนบานและ คอยเตือนท่านเทพ เหมือนเวลาไปพบผู้ใหญ่ ต้องไม่ลืมทักทายเลขาหน้าห้องนั่นแหละ แต่ต้องใช้วิธีกระซิบข้างหูนะ มือปิดหูอีกข้างและกระซิบเบา ๆ ถามว่าทำไมต้องปิด แกบอกว่าไม่ทราบเขาทำกันแบบนี้ทุกคน เลยต้องเดา ว่าคง กลัวกระซิบหูซ้ายทะลุออกหูขวาแบบที่คนชอบเป็นกันมั้ง สังเกตดูเขา ไปไหว้เทพองค์ใหญ่ ออกมาแวะเทพมุสิกา กระซิบบอกสิ่งที่บนเอาไว้ บ้างมีข้าวของมาบูชาด้วย แสดงว่าพวกบนแล้วได้รับพร กลับมาแก้บน ยายเร่ง บอกรีบ ๆหน่อยไม่แวะอุทยานหรอก เข้าสวนมะพร้าวเลย ครับ ๆคุณนาย
........เขาตัดมะพร้าวกองเต็มหน้าบ้าน มีคนมาขอซื้อไปขาย เอาเป็นคันรถ แวะถามขอซื้อ นับลูกขาย ปอกให้ชิมคนละลูกอิ่มพอดี กินน้ำเสร็จสับให้ กินเนื้อด้วย หวานอร่อยดี ลูกละสิบ ถึงมือแม่ค้าริมถนน แช่เย็นขาย 15 บาท ทำวุ้น 20 บาท ได้มา 5 ทะลาย 75 ลูก เลยสวนมะพร้าวไป สาม กิโลเมตร ทางเข้าตลาดอำเภอบางคล้า สวนตาลเต็มสองข้างทาง มีป้ายบอกหมู่บ้าน สวนตาล มีแผงขายของข้างทางเรียงรายอยู่สิบกว่าแผง บางแผง น้ำตาลสด ลอนดาล ลูกตาล ขนมดาล เลือกซื้อเอา ยายเขามาบ่อยเลยซื้อไม่ยาก ได้ของตามต้องการแล้ว ต่อไปก็อุปกรณ์ทำข้าวเกรียบว่าว และข้าวหมาก อันนี้ต้องที่ไปที่ตลาดสนามชัยเขต ทางไปเขื่อนสียัด เกื่อบยี่สิบกิโลเมตร
........จากหมุ่บ้านต้นตาลผ่านเข้าในตลาดอำเภอบางคล้า ที่นี่ก็มาบ่อย เขามีตลาดน้ำ ที่ท่าน้ำหน้าอำเภอ เป็นท่าน้ำบางปะกง มองข้ามไปเป็นเกาะ ลัดที่แม่น้ำบางปะกงไหลวนรอบเลยเรียกเกาะ เห็นต้นจากขึ้นเต็มไปหมด เขาว่ามีคนอาศัยอยู่ด้วย เคยนั่งเรือหงยาววนรอบชมวิว มีป้ายบอกนี่บ้าน ท่านชื่อนี้ นั่นบ้านท่านชื่อโน้น มีสองสามแห่ง ส่วนชาวบ้านไม่เห็นมีป้ายบอก บางจุดเรือแวะมีของสดขายพวกกุ้ง ปลา ผัก ขนม ช่วงวันหยุดจะมีงาน ตลาดนัดตลาดสดบริเวณตลาดน้ำ อ้อลืมบอกเขาทำแพขนาดใหญ่ 3-4 ลำ
ลอยลำติดกันตามทางยาว พ่อค้าแม่ค้าจองที่ขายของกิน ผัก ผลไม้ และพวก สินค้าโอทอป คนมาเที่ยวกันเยอะมาก เทศกาลมะม่วงก็จัดงานมะม่วง มี พันธุ์ไม้ต่าง ๆมาขายด้วย
.........ผ่านไปพนมสารคาม ไม่นานก็ทะลุออกถนนสาย ฉะเชิงเทราไปสัตหีบ ระยอง วัดเซียน เขาชีจันทร์ ผมมาใช้บ่อย ไม่ต้องเข้าเมืองชล ตรงไปที่เที่ยว ได้เลย เราวิ่งตัดผ่านเฉย ๆ เพราะสนามชัยเขตอยู่ข้างถนนสายนี้ เลยไป 5 กิโลเมตรจอดตรงข้ามร้านขายข้าวเกรียบดิบ มัดละ 10 บาท ประมาณ 15 แผ่น
ไปย่างเอง ได้มาสิบมัด ส่วนแป้งข้าวหมากเขาขายลูกละ 5 บาท ข้าวสุก 1 กิโลกรัมใช้ 3 ลูก ไม่ใช่สูตรนะ แม่ค้าเขาคำนวนให้ จะเอาไปทำมากน้อย นับให้พอ โหยายแกซื้อมา 60 ลูก ตายละ ไม่อยากเชื่อเลย จะทำอะไรกัน นักหนา กินไม่หมดหรอกยาย เถียงเราอีก กินไม่หมดก็ขายสิ อ๋อจะทำไปขายนี่เอง นึกว่าจะทำไว้แจกเพื่อที่มาเยี่ยม
.......จบนะยาย ยังหรอก ไหน ๆก็มาพนม ใกล้วัดเตาอิฐ 7 กิโลเมตรเอง จากตลาดพนมออกไป น้องชายยายบวชอยู่ที่วัดนี้ อยากแวะถามสุขทุกข์ หน่อย ไปก็ไป ไหน ๆ ก็ทำหน้าที่สาระแทกซี่แล้วนี่ ออกจากตลาดพนมสารคาม มาทางไปอำเภอบ้านสร้าง 7 กิโลเศษ ถึงทางเข้าวัดเตาอิฐ แวะไป ชมสวนป่าร่มรื่นดี แต่ใต้ร่มไม้ มีแต่เจดีย์แน่นไปหมดคงถึงร้อย กลางคืน คงเย็นยะเยือกน่าดู โบสถ์หลังเล็ก ๆ เคยมาดูวันบวชน้องชาย ยังสวยงาม เหมือนเดิม ใกล้ ๆโบสถ์ก็เป็นเมรุเผาศพ ไม่ค่อยเรียกฌาปนสถาน คงไม่รู้
ว่ามันมีชื่อเรียกเพราะ ๆ ด้วย ยายแยกตัวไปกุฎิพระ บอกมีธุระจะคุยด้วย เราจะไปดูสวนดอกไม้รอ ก็อยู่ใกล้ๆกุฏิพระนั่นแหละ ดูกล้วยไม้ ไม้กระถาง ไม้กระเช้า สวยงาม ฝนตกชุกเลยงามทุกต้น สุดท้ายมาหยุดที่ต้นไม้สำคัญ เพราะล้อมกรงเหล็กไว้ เสียดายมีแต่ต้นไม้ ไม่มีการพรวนดิน ไม่มีปุ๋ย มี แต่ใบแห้งหล่นกองอยู่ อยากเข้าไปเก็บกวาดให้ แต่ติดกุญแจ
......ลืมบอกมันคือต้นโพธิ์ขนาดเท่าต้นหมาก สูงสองเมตรได้ มีกิ่งก้านไม่มาก ใบก็นับได้ น่าเป็นห่วงว่าจะไปได้สักกี่ปี กลัวจะแห้งเฉาตายในหน้าแล้ง ตอน นี้ฝนชุกคงช่วยได้อยู่ ถ้าทำได้นะ อยากได้โอ่งน้ำสวย ๆซักใบ ถังพลาสติค ใส่น้ำซักใบ จากถังพลาสติด ทำน้ำหยดให้ต้นโพธิ์ พรวนดินหาปุ๋ยคอกมาใส่ เชื่อว่า จะช่วยให้มีกิ่งก้านสวยงาม มีใบดกมากขึ้น ส่วนโอ่ง ใช้น้ำใส ๆ ดอกไม้ ธูปเทียนเอามาไว้ใกล้ๆ ทำที่จุดธูปเทียนไว้นอกกรง ทำกระบวยด้ามยาว ๆ ยื่นไปตัดน้ำในโอ่ง เอามาล้างหน้า พรมศีรษะ ตามใจชอบ อ้าวลืมอีกแล้ว ใบโพธิ์ต้นนี้สีขาวบริสุทธิ์ครับ ชาวบ้านเรียนต้นโพธิทอง แหมกว่าจะได้ชื่อต้น ไม้สำคัญ ก็จวนจบแล้ว 

........ยายหน้าหงิกกลับมาบอก พระไม่อยู่ ยังไม่ออกพรรษาไปค้างที่อื่น ได้ไง เราก็ขำนะเพราะยายแกไม่รู้ จำพรรษา ไม่เหมือนจำคุกนะยาย มีกิจ จำเป็นก็ไปค้างได้ พระวินัยอนุญาตไว้ไปได้คราวละ 7 วัน กรณีที่ไปได้เช่น งานของคณะสงฆ์ เพื่อนสหธรรมิกเจ็บป่วยต้องไปดูแลการรักษาพยาบาล ญาติโยมนิมนต์ไปแสดงธรรมหรือไปรับไทยทาน หรือบิดามารดาเจ็บป่วย อนุญาตไปค้างที่อื่นได้ไม่เกิน 7 วัน เรียกว่า สัตตาหกรณียะเราก็เลยออกจากวัด มาเพื่อเดินทางกลับ ไม่อยากย้อนกลับทางเดิมเลยผ่านไปทางอำเภอบ้านสร้าง ปราจีนบุรี ผ่านบางปลาร้ามีตลาดสดกำลังตั้งแผงกัน ยายชวนไปดู ได้ จิ้งหรีด แมงตับเต่า ดักแด้ 50 บาทสามอย่าง สด ๆนะ ถามว่าเอามาจากไหน จิ้งหรีดมีคนเพาะเลี้ยงขาย อีกสองอย่างไม่รู้ซื้อต่อเขามา เดินไปอีกจะกลับ เจอหน่อไม้เลี้ยงถุงละ 20 บาท ซื้อมาสองถุง เห็ดฟางและผักสำหรับใส่แกง หน่อไม้ แค่นี้ก็กลับได้แล้ว
.......ถึงแยกบ้านสร้างเลี้ยวซ้ายจะกลับแปดริ้ว แต่ยังกลับไม่ได้ผ่านหน้า ตลาดสดโครงการ ฯ ขาประจำอย่างยายมาบ่อย ช่วงสี่โมงเย็นนี่ แม่ค้ามา เต็มทุกแผง ก็ปล่อยตามสบาย เราขอปล่อยหมาลงไปฉี่ซะหน่อย ปล่อยตรง ข้างคลองน้ำ เป็นดงหญ้ากำลังงาม หมาเยี่ยวเสร็จมันก็กินหญ้า เขาชอบนะ กินแล้ว

อ๊วก ยังกะพวกขี้เมา ที่บ้านปลูกตะไคร้มันยังชวนกันไปกิดกิน จน ตายหมด เคยเอาหญ้าไปปลูกให้ ตาย หมด มันไม่กินเฉย ๆ มันรดปุ๋ยเกลือ แอมโมเนียสูงเข้ม 6 ตัว จะเหลือหรือเฉาตายหมด เสร็จก็พาหมามานั่งฟัง เพลงรอบนรถ อ้อฟังเพลงน่ะเราไม่ใช่หมา มันก็หาของกินไปทั่วรถแหละ สงสัยได้กลิ่นลูกชิ้น ยายเขาซ่อนไว้ ต้องให้มาหาเอง
.......สุดท้ายยายก็หอบของมาเติมท้ายรถ แล้วบอกกลับได้ เราข้ามสะพาน แม่น้ำบางปะกงเข้าเขตของจังหวัดแปดริ้ว วิ่งไม่ถึงสิบนาทีก็เป็นบางน้ำเปรี้ยว ผ่านมาทางสามแยกสตาร์ไลท์ มาเจอตลาดสดใหญ่ใกล้ทางเข้าวัดต้นตาล ตลาดนี้ก็ของเยอะ ยายเคยมาเลยแกล้งถามว่า เดินอีกไหม เห็นส่ายหน้า แสดง ว่า เหนื่อแล้ว คุณยายธนัญธรนี่เวลาออกจากบ้าน เขามีเป้าหมายเดียวแหละ แต่ยังไม่จบง่ายหรอก มี
อะไรเพิ่มมาเรื่อย เลยแถมสร้อยให้ ธนัญธร หลายออพชั่น แต่แกไม่รู้หรอก แกถามออพชั่นอะไร เราก็บอกว่าเหมือนที่ เขาขายรถยนต์ไง ได้รถแล้วยังมีของแจกของแถมอีกมากมาย เวลาซื้อรถ เขาจะถาม
หาออพชั้นไง จบไว้ จนผลายวันถัดมาค่อยมาด่าว่าเรากล่าวหาว่าเขาเป็นคนหลายออพชั่น เลยขยาย
ความให้ฟังว่า หลายออพชั่นของแกหมายถึงไม่ ค่อยหยุดเมื่อบรรลุจุดหมายที่ 1 มักจะแถมไปต่อจุดที่
 2 - 3 จนค่ำโน่นแหละ เห็นหัวเราะชอบใจ จบได้แล้วเนาะยาวเกินแล้ว


cr. ภาพกูเกิล 




ถ่ายเอง
ถ่ายเอง

ถ่ายเอง

ถ่ายเอง

ถ่ายเอง

ถ่ายเอง

แกงเอง