................พูดถึงการสอน ทุกคนรู้จักกันดีว่า การสอนเป็นการทำให้ผู้ได้รับการสอนเกิดปัญญา ขจัดความไม่รู้ออกไป สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ตามสภาพปัญญาที่เกิดขึ้น เมื่อมีใครถามถึงวิธีสอน
ทั่ว ๆ ไปก็สามารถพูดคุยกันได้ด้วยความรู้สึก สบาย ๆเป็นธรรมดา ไม่ค่อยจะเครียด แต่พอมีผู้ขอให้พูดถึงการสอนวิชาพระพุทธศาสนา รู้สึกเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะเป็นการพูดถึงการสอนหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ใคร ๆ ก็รู้จักท่านในฐานะที่เป็นครูที่ดีที่สุดเท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมา ยังไม่เคยเห็นใครสอนโจรดุ ๆอย่างองคุลีมาลให้วางดาบได้โดยไม่ต้องออกแรง ไม่เคยได้ยินครูที่ไหน สอนคนให้ละกิเลสได้เด็ดขาดจนเป็นพระอรหันต์คราวละนับสิบนับร้อยคน วิธีสอนหลักธรรมพุทธศาสนาที่ดีที่สุดก็วิธีที่พระพุทธองค์ท่านใช้นั่นเอง ดังนั้นในข้อเขียนฉบับนี้ตั้งใจจะศึกษาถึงพุทธวิธีที่ท่านใช้ประกาศศาสนากระจายไปทั่วโลกมาแล้ว ว่าทำไมบุคคลผู้หนึ่งที่เกิดเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่เราท่านคิดว่าเป็นยุคสมัยที่โลกยังไม่เจริญ แต่ท่านประสบผลสำเร็จในการสอนอย่างน่าอัศจรรย์ และสิ่งที่ท่านประกาศ ที่ท่านสอน เป็นเรื่องที่ท้าทายคนยุคนั้นสมัยนั้น ที่ส่วนมากเลื่อมใสศรัทธาลัทธิพราหมณ์ เชื่อศรัทธาในพระเป็นเจ้า เคารพเทวะ พร้อมที่จะยอมพลีชีพเพื่อเทวะ บวงสรวงด้วยสิ่งมีชีวิต เพื่อทำความพึงพอใจแก่เทวะ คำสอนพระพุทธเจ้า ลบล้างความเชื่อเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เหตุใด บุรุษผู้หนึ่งจึงกระทำการอันน่าอัศจรรย์เช่นนั้นในสถานการณ์สังคมเช่นนั้นได้
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้พระพุทธเจ้าประสบผลสำเร็จในการเป็นครูจนได้รับยกย่องว่า ปุริสธัมมสารถี สัตถาเทวามนุสสานังเป็นครูแห่งเทวดาและมนุษย์ทั้งปลาย หากเราจะสังเกตบุคคลที่เราเคารพศรัทธา
หรือเลื่อมใสที่พบเห็นได้ทุกวันนี้จะพบว่า
เรามักจะศรัทธาคนที่มีบุคลิกดีได้ง่ายกว่าคนที่บุคลิกไม่ดี
เรามักจะศรัทธาคนที่พูดจาดีง่าย
กว่าคนที่พูดจาไม่น่าฟัง
เรามักจะศรัทธาคนที่มีเมตตาต่อเราโดยสนิทใจไม่คลางแคลง
เรามักศรัทธาคนที่เข้มแข็งกว่าเรา
และอาจให้เราพึงพาได้ ง่ายกว่าคนที่อ่อนแอกว่าเรา
เรามักจะศรัทธาคนเก่งง่ายกว่าคนที่ไม่เก่ง
จาก 5 ประเด็นที่เลือกมา
เพราะได้ทราบมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนที่ใครได้พบเห็นก็มักเลื่อมใสศรัทธาได้ ง่าย
การที่คนผู้หนึ่งมีคนอื่นเลื่อมใสศรัทธา
หากคนผู้นั้นจะแนะนำสั่งสอนผู้ที่เลื่อมใสตนเอง ย่อมทำได้ง่าย ดังนั้นจึงจะใช้ 5
ประเด็นที่เลือกนี้ไปศึกษาคุณลักษณะพระพุทธเจ้า
คิดว่า 5 ประเด็นก็น่าจะพอที่จะหาข้อสรุปได้ว่า
พระพุทธเจ้าท่านมีคุณสมบัติที่ทำให้ผู้คนศรัทธาเลื่อมใสได้ง่าย
จริงหรือไม่เพียงใด
บุคลิกภาพของพระพุทธเจ้า
หลังประสูติไม่กี่วันพราหมณ์ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานรับขวัญพระกุมาร ตัวแทน 8 คน
ทำนายลักษณะสิทธัตถกุมารโดยอาศัยตำรามหาปุริสลักษณะ
32 ประการ แล้วทำนายคติ 2 อย่างว่า
ถ้าเป็นฆราวาสมีโอกาสเป็นจักรพรรดิ เป็นบรรพชิตจะได้เป็นศาสดาเอก ตำราที่
ว่านี้มีอยู่จริง ผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ทั้งหลายเชื่อถือมาก่อนที่สิทธัตถกุมารจะประสูตินับร้อยนับพันปี เป็นข้อมูลประการแรกที่ยืนยันว่า พระพุทธเจ้ามีบุคลิกที่ไม่ใช่ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับบุคลิกที่สง่างามของพระองค์อีกมากมายในพระไตรปิฎก บางครั้งมีพระภิกษุหนุ่มติดตามเพื่อจะได้เผ้าใกล้ชิด ได้เห็นรูปกายของพระองค์ บางครั้งมี พราหม์ที่มีธิดารูปโฉมงดงาม ไม่ยอมยกให้ชายหนุ่มคนใด พอได้เห็นพระพุทธเจ้าก็ยินดีอยากจะยกลูกสาวให้เป็นชายา ดังนี้เป็นต้น เรื่องเล่าขานตำนานต่าง ๆ เหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าพระพุทธเจ้า มีบุคลิกลักษณะสมกับที่เล่าลือกันมาว่า ครบมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ ทำให้ผู้ได้พบเห็นเลื่อมใสศรัทธาได้ง่าย
ว่านี้มีอยู่จริง ผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ทั้งหลายเชื่อถือมาก่อนที่สิทธัตถกุมารจะประสูตินับร้อยนับพันปี เป็นข้อมูลประการแรกที่ยืนยันว่า พระพุทธเจ้ามีบุคลิกที่ไม่ใช่ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับบุคลิกที่สง่างามของพระองค์อีกมากมายในพระไตรปิฎก บางครั้งมีพระภิกษุหนุ่มติดตามเพื่อจะได้เผ้าใกล้ชิด ได้เห็นรูปกายของพระองค์ บางครั้งมี พราหม์ที่มีธิดารูปโฉมงดงาม ไม่ยอมยกให้ชายหนุ่มคนใด พอได้เห็นพระพุทธเจ้าก็ยินดีอยากจะยกลูกสาวให้เป็นชายา ดังนี้เป็นต้น เรื่องเล่าขานตำนานต่าง ๆ เหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าพระพุทธเจ้า มีบุคลิกลักษณะสมกับที่เล่าลือกันมาว่า ครบมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ ทำให้ผู้ได้พบเห็นเลื่อมใสศรัทธาได้ง่าย
ประการที่ 2
ถ้อยคำวาจาที่น่าเลื่อมใส การมีเสียงกังวาน
นุ่มนวล ไพเราะ ชวนฟัง เป็นคุณสมบัติประการหนึ่งในมหาปุริสลักษณะ แต่ถ้อยคำที่น่าเลื่อมใสนั้น นอกจากจะไพเราะ
ยังจะต้องมีประโยชน์แก่ผู้ฟังด้วย ในประเด็นนี้คงไม่มีอะไรน่าสงสัยเพราะถ้อยคำทั้งมวลที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
ล้วนเป็นไปเพื่อสั่งสอนให้ ศาสนิกชน ให้พ้นจากทุกข์ พ้นจากกิเลสตัณหา ปัญจวัคคีย์ยอมออกบวช
5-6 ปีติดตามเฝ้าพระสิทธัตถะ เพียงหวังจะได้ฟังคำสอนที่มีสาระประโยชน์แก่ตน
ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ปฐมเทศนาชื่อธัมมจักกัปปวัตนสูตร
ที่ทรงเทศนาที่ป่าอิสิปตน มิคทายวัน เป็นหลักฐานสำคัญว่าวาทะของพระ พุทธเจ้า
เป็นไปเพื่อประโยชน์ผู้ฟังทั้งยังทำให้ผู้ฟังบรรลุจุดประสงค์การสอนทีละคน
ๆ จนครบทั้ง 5 ถ้าถ้อยคำไม่ดีจริง ทั้ง 5 ท่านคงไม่ยอมขออุปสมบทเป็นสาวกแน่นอน
ยังมีอีกมากมายตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าถ้อยคำของพระสิทธัตถะนั้น
เป็นถ้อยคำที่มีคุณค่ายิ่งกว่าเพชรนิลจินดา สามารถทำให้ผู้ฟังอย่าง
องคุลีมาลวางดาบประหารมาเป็นลูกศิษย์จนชั่วชีวิต สามารถทำให้เจ้าชายรัชทายาทกษัตริย์หลาย
ราชวงศ์ ละทิ้งราชสมบัติมาเป็นศิษย์ตถาคต สามารถทำให้บุตรเศรษฐีร่ำรวยมหาศาล ละทิ้งบ้านเรือน
ข้าทาสบริวารมาเป็นนักบวชศิษย์ตถาคตมีผ้านุ่งห่มเพียงสามผืน หากินด้วยบาตร 1 ใบ ถ้าถ้อยคำไม่ดี
จริง ไม่น่าเลื่อมใสจริง เหตุการณ์เหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้น
องคุลีมาลวางดาบประหารมาเป็นลูกศิษย์จนชั่วชีวิต สามารถทำให้เจ้าชายรัชทายาทกษัตริย์หลาย
ราชวงศ์ ละทิ้งราชสมบัติมาเป็นศิษย์ตถาคต สามารถทำให้บุตรเศรษฐีร่ำรวยมหาศาล ละทิ้งบ้านเรือน
ข้าทาสบริวารมาเป็นนักบวชศิษย์ตถาคตมีผ้านุ่งห่มเพียงสามผืน หากินด้วยบาตร 1 ใบ ถ้าถ้อยคำไม่ดี
จริง ไม่น่าเลื่อมใสจริง เหตุการณ์เหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้น
ความมีเมตตา
คือปรารถนาดีต่อผู้อื่น พระพุทธเจ้าได้ชื่อว่าเป็นผู้มีเมตตากรุณาสูงส่ง ตรัสรู้แล้วพระองค์เข้าถึงนิพพานอันเป็นบรมสุขที่แท้จริง
ท่านจะเสวยวิมุติสุขของท่านไปตลอดอายุขัยก็ไม่มีใครไปตำหนิท่านได้
แต่ท่านต้องยอมลำบาก ด้วยเมตตากรุณาของท่าน
ทำงานตลอด 45 ปี จนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อสั่งสอนผู้อื่นให้ได้พบวิมุติสุข
มีผู้บรรลุธรรมหลายร้อยหลายพันคน
ทั้งยังวางหลักคำสอนที่เป็นอมตะไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ได้ปฎิบัติ
สืบต่อกันมากว่าสองพันห้าร้อยปี
มีผู้ได้รับประโยชน์จาก
คำสอนของท่านนับหมื่นนับพันล้านคน
ยังจะมีใครอีกที่มีโอกาสสร้างคุณงามความดีแก่ชาวโลกมากมายขนาดนี้
ขนาดล่วงลับไปแล้วยังมีคุณค่าแก่อนุชนรุ่นหลังไม่รู้จบ
เมตตากรุณของท่านยิ่งใหญ่เกินจะกล่าวยกย่องได้ครบถ้วน
ความเข้มแข็งที่หาได้ยาก พลังกายที่แข็งแรง พลังจิตที่แกร่งกล้า
คือความเข้มแข็งที่น่าเคารพน่าศรัทธา พระสิทธัตถะท่านมีครบบริบูรณ์
ในวัยหนุ่มท่านมีปราสาทสามฤดู มีนางสนมที่เลือก
สรรแล้วบำรุงบำเรอ ทั้งวันทั้งคืน มีชายาที่เลือกสรรว่างดงามไม่มีที่ติอย่างเจ้าหญิงยโสธรา เจ้าชายหนุ่มผู้บริบูรณ์ด้วยอิสริยยศ เพียบพร้อมด้วยศิริราชสมบัติ ถ้าพลังจิตไม่เข้มแข็งจริงออกบวชไม่ได้แน่นอน การบำเพ็ญทุกกรกิริยา 6 ปี ถ้าจิตใจไม่หนักแน่นมั่นคง เลิกไปแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแน่นอนถ้าเจ้าชายสิทธัตถะอ่อนแอ มีอุปสรรคหลายอย่างขัดขวางการสั่งสอนของท่าน ไม่เคยย่อท้อ เขาจ้างชาวบ้านมายืนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายสองข้างทางที่เสด็จไปบิณฑบาต ไม่หนี เขาจ้างสาว ๆ มาสมอ้างว่าตั้งท้องกับพระสิทธัตถะ ท่านไม่หวาดหวั่น เขาหาช้างตกมันมาปล่อยให้ไล่กระทืบ ท่านไม่กลัว เขาจ้างมือ ปืน(ธนู) ดักยิง ก็ไม่เกรง คนเข้มแข็งอย่างนี้ แม้แต่ศัตรูตัวฉกาจ อย่างพระเทวทัต ยังต้องยอมแพ้ ท่านเข้มแข็งสุดยอดมนุษย์จริง ๆ
สรรแล้วบำรุงบำเรอ ทั้งวันทั้งคืน มีชายาที่เลือกสรรว่างดงามไม่มีที่ติอย่างเจ้าหญิงยโสธรา เจ้าชายหนุ่มผู้บริบูรณ์ด้วยอิสริยยศ เพียบพร้อมด้วยศิริราชสมบัติ ถ้าพลังจิตไม่เข้มแข็งจริงออกบวชไม่ได้แน่นอน การบำเพ็ญทุกกรกิริยา 6 ปี ถ้าจิตใจไม่หนักแน่นมั่นคง เลิกไปแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแน่นอนถ้าเจ้าชายสิทธัตถะอ่อนแอ มีอุปสรรคหลายอย่างขัดขวางการสั่งสอนของท่าน ไม่เคยย่อท้อ เขาจ้างชาวบ้านมายืนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายสองข้างทางที่เสด็จไปบิณฑบาต ไม่หนี เขาจ้างสาว ๆ มาสมอ้างว่าตั้งท้องกับพระสิทธัตถะ ท่านไม่หวาดหวั่น เขาหาช้างตกมันมาปล่อยให้ไล่กระทืบ ท่านไม่กลัว เขาจ้างมือ ปืน(ธนู) ดักยิง ก็ไม่เกรง คนเข้มแข็งอย่างนี้ แม้แต่ศัตรูตัวฉกาจ อย่างพระเทวทัต ยังต้องยอมแพ้ ท่านเข้มแข็งสุดยอดมนุษย์จริง ๆ
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นคนเก่ง
สมัยเป็นวัยรุ่นท่านเรียนหนังสือก็เก่งที่สุดในรุ่น จนอาจารย์ก็ชมเชย ออกบวชไปเรียนหนังสือกับพระดาบส
ใช้เวลาไม่นานพระดาบสก็ต้องบอกว่า อาตมาก็รู้แค่นี้คือสมาบัติ 8 ทั้งที่คนอื่นศึกษาฝึกอบรมหลายสิบปี
ยังไม่เคยมีใครเรียนจบความรู้เท่าพระดาบสที่เป็นอาจารย์เลย
เจ้าชายเรียนไม่นานก็จบแล้ว เก่ง จริง ๆ
ตรัสรู้ใหม่ ๆ คนเดียวแท้ ๆท่านไปเหยียบถิ่นนักบวชต่างลัทธิอย่างชฎิล
ผู้มีบริวารนับพัน เป็นนักบวชคนละลัทธิ เหมือนพุทธกับคริสต์ทำนองนี้ กล้าหาญมากนอกจากกล้าไปนอนค้างบ้านเขาแล้วยังสอนให้เขาเลิกบูชาไฟหันมาบวชเป็นลูกศิษย์ของตนได้ คือได้ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์นับพันมาเป็นสาวก
แบบนี้ต้องยอมรับว่ายอดเก่งจริง ๆ
จากบทวิเคราะห์ทั้ง 5 ประเด็น
น่าจะเพียงพอสำหรับที่จะสรุปว่า พระพุทธเจ้านั้น ท่านมีคุณลักษณะความเป็นครูที่ยอดเยี่ยม
มีบุคลิกทางกายภาพที่สมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักษณะ มีสำเนียงถ้อยคำที่นุ่มนวลน่าฟัง
แถมเป็นถ้อยคำที่มีประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ฟังด้วย ท่านมีน้ำพระทัยเปี่ยมด้วยเมตตากรุณา
ซึ่งมิใช่ธรรมดา เป็นเมตตากรุณาที่สัตว์โลกนับพันล้านหมื่นล้านได้ประโยชน์ ท่านเป็นคนเข้มแข็ง ทำสิ่งที่คนธรรมดา ๆ
ไม่อาจจะทำ แต่ท่านทำได้
ทั้งยังมีความเก่งกล้าออกจะบ้าบิ่นด้วยซ้ำไป
จนฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรูไม่น้อยต้องหันมาสยบให้
เพียงแค่นี้ก็ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมท่านจึงมีคุณสมบัติที่ทำให้ใครได้พบเห็น ได้คบหา
ได้ฟัง ได้ร่วมกิจกรรมกับท่าน จึงเกิดศรัทธาเลื่อมใส
และเชื่อฟังคำสอนของท่านแต่โดยดี
พทุธวิธีการสอน
จากการศึกษาบุคลิกภาพความเป็นครูของพระพุทธเจ้าแล้ว
เราพบว่าท่านมีทุกองค์ประกอบบริบูรณ์นับว่าได้เปรียบครูคนอื่น
ๆ อย่างมาก ต่อไปก็จะศึกษาวิธีสอนว่าพระพุทธเจ้าท่านใช้วิธีสอนอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่น ต้องยอมรับว่าผู้เขียนมีความเชื่อว่าวิธีสอนของท่านน่าสนใจ
สอนคราวใดมักจะมีผู้บรรลุจุดประสงค์คือเกิดดวงตาเห็นธรรมจำนวนมาก ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าท่านทำได้อย่างไร
โดยจะพยายามศึกษาจากข้อเขียนของท่านผู้รู้ เช่น พระธรรมปิฎก (ประยุต ปยุตโต)สุชีพ
ปุญญานุภาพ เสฐียรพงศ์ วรรณปก พุทธประวัติ และพระไตรปฎิฎก เป็นต้น
ซึ่งพอสรุปความและนำเสนอ ได้ดังนี้
1 . พระพุทธเจ้ามีปกติจะสอนคนอื่นในเรื่องใด ๆ
สิ่งนั้น ๆ ท่านมักจะปฏิบัติได้ ทำได้ มาก่อน เช่นท่านจะสอนอริยสัจ 4ท่านก็บรรลุมาก่อนแล้วจึงสอน
ปัญจวัคคีย์เฝ้าอยู่ 5 ปี 6 ปี ไม่เคยเห็นท่านสอนมาก่อน
พอตรัสรู้แล้วท่านจึงยอมสอน สอนให้มักน้อยสันโดด
ท่านปฏิบัติให้ดูเห็นชัดว่าอยู่ได้ ทำได้ ให้พระสาวกถือผ้าสามผืน
ท่านก็ทำเป็นแบบอย่าง ครูที่มีปฏิปทาแบบนี้ลูกศิษย์เชื่อฟังแน่นอน
2. รู้จักลูกศิษย์ดี
เรียกได้ว่ามองทะลุไปถึงก้นบึงเลยทีเดียว เพียงพบปะทักทายนิดเดียวท่านรู้จักแล้ว
ว่าเป็นใคร มาจากไหน
มีอุปนิสัยเป็นอย่างไร เป็นบัวประเภทไหน สอนได้หรือสอนไม่ได้ เช่นตอนแยกทางกับสาวกไปประกาศศาสนา
ท่านไปพบภัททวัคคีย์พาสาว
ๆ มาเที่ยวกัน กำลังพากันตามหาสตรีนางหนึ่งที่แอบลักเครื่องประดับหนีไป พวกหนุ่ม ๆ
ผ่านมาพบและถามท่าน
สนนากันครู่เดียวท่านรู้ว่าหนุ่มพวกนี้เป็นพวกบัวโผล่พ้นน้ำ
จึงแนะนำให้หาตนเองแทนที่จะไปหาสตรีที่หลบไป
พอได้ฟัง
คำสอนไม่นานก็เกิดดวงตาเห็นธรรม
ขออุปสมบททั้ง 30 คน
3.
เป็นผู้เชี่ยวชาญการสอนเป็นรายบุคคล
สมัยหนึ่งพระเถระนักเทศน์ใหญ่ท่านหนึ่งนามพระมหาปันถกเถระ มีน้องชายมาบวชศึกษาธรรมอยู่ด้วยชื่อ
จูฬปันถก พระรูปนี้ขึ้นชื่อว่ายอดปึก คาถาบทเดียวพระเถระพี่ชายให้ท่อง ตลอดพรรษาท่องไม่จบ
จนตัวเองก็เบื่อหน่าย โดนพระเถระพี่ชายดุด่าเข้าก็เสียใจจะเลิกล้มการบวช
พระพุทธเจ้าทราบเข้าก็เรียกไปพบสอนว่าไมต้องเสียใจให้ผ้าขาวสะอาดผืนหนึ่ง
สั่งให้ไปนั่งในที่สงัดแล้วบริกรรมว่า รโช หรณัง
ๆ ๆ บริกรรมไปก็ลูบผ้าไปเรื่อย ๆนานเข้าผ้าขาวก็สกปก
พระจุฬปันถกเกิดดวงตาเห็นธรรม ซึ่งต่อมาก็บรรลุอรหันต์ตัดกิเลสอาสวะได้
4.
ทรงสอนโดยยึดหลักการสอนจากสิ่งที่เข้าใจง่ายไปหาสิ่งที่เขาใจยาก วิชาครูที่เราภูมิใจนักหนา ว่าฝรั่งคิดได้ยอดเยี่ยมนั้น บรมครูท่านใช้อยู่เมื่อสองพันห้าร้อยปีมาแล้ว ท่านสอนปัญจวัคคีย์เรื่องทางสามสาย ที่บรรพชิตปฏิบัติ กามสุขัลลิกานุโยค
สายแรกพวกที่ยังยินดีในกามคุณ
ปัญจวัคคีย์รู้จักดีเพราะท่านก็เป็นนักบวชมาก่อน สายที่สอง อัตตกิลมถานุโยคพวกชอบทรมานตนเองให้ได้รับความลำบาก
สายนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เข้าใจได้ไม่ยาก สุดท้ายสายมัชฌิมาปฏิปทาของบรมครูสิทธัตถะเอง
ยากกว่าสองสายแรก คนฟังก็สนใจอยากรู้ว่ามันต่างจากสายที่เคยรู้จักอย่างไร ฟังไป
ฟังมาก็เกิดดวงตาเห็นธรรม
4. หลักการศึกษาที่เรียกไตรสิกขา
เป็นอีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าทรงสอนจากเรื่องพื้น ๆ ไปหาเรื่องยาก ๆ ศีลสิกขาปฏิบัติง่ายที่สุด
สอนให้ปฏิบัติก่อน สมาธิสิกขา ฝึกสมาธิยากกว่ารักษาศีล ฝึกในลำดับถัดมา ปัญญาสิกขา ศึกษาให้เกิดปัญญาเฉลียวฉลาด ยากกว่า 2 อย่างแรกให้ฝึกเป็นขั้นสุดท้าย
5. สอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
บรมครูท่านให้ความสำคัญต่อผู้ที่ท่านจะสอนมาก หากเห็นว่าผู้เรียนไม่พร้อมท่านจะไม่สอน
เจ้าหญิงรูปนันทา ลือกันว่าทรงศิริโฉมงดงามมาก ภายหลังออกบวชเป็นภิกษุณี
ไม่กล้าเข้าเฝ้าพระศาสดา เพราะทราบกิติศัพท์ว่า
พี่ชายคนนี้ชอบตำหนิว่ารูปไม่เที่ยง ไม่งาม ไม่จีรังยั่งยืน น่าเบื่อหน่าย
เธอเป็นคนรักรูปโฉมตนเองว่างดงามล้ำกว่าใครพระสิทธัตถะก็ไม่สนใจจะเรียกมาสั่งสอน
แม้นางจะเป็นธิดาของนางประชาบดีโคตมี พระมารดาเลี้ยงของพระองค์ พระเถรี
รูปนันทาจึงมีศักดิ์เป็นน้องสาว
จนกระทั่งเห็นว่านางมีอุปนิสัยแก่กล้าแล้วพอจะสอนได้ จึงถือโอกาสสอน
ซึ่งเป็นไปตามจุดประสงค์พระเถรีรูปนันทาเกิดดวงตาเห็นธรรม
และบรรลุอรหันต์ในที่สุด
6. สอนตามสภาพจริง
มีตัวอย่างมากมายที่พระพุทธเจ้าสอนโดยใช้สภาพจริงที่เกิดขึ้นเป็นสื่อการสอน คราวหนึ่งมีสตรีคนหนึ่งบุตรน้อยเธอเสียชีวิตลง
มีคนแนะนำให้เธอมาเฝ้าพระศาสดาบอกว่ามียาดีรักษา พระพุทธเจ้าบอกว่า ยาดีรักษาได้มี
แต่ต้องได้เมล็ดผักกาดสักหยิบมือหนึ่งมาผสมเครื่องยา
ให้ไปตระเวนหาขอจากบ้านที่ไม่มีใครตาย ไม่มีญาติที่น้องตาย ได้แล้วนำมาจะจัดยาให้ เธออุ้มศพลูกน้อยเที่ยวขอเมล็ดผักกาดไปทำยา ไปบ้านไหนเขาก็บอกว่า
พ่อตาย แม่ตาย ญาติตาย พี่ตาย น้องตาย ลูกตายหลานตาย
นานวันเข้าศพก็เน่าเปื่อย ในที่สุดเธอก็ได้คิดกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมเทศนาจนเกิดดวงตาเห็นธรรมและบรรลุอรหันต์
7.
สอนให้ผู้รับการสอนมีส่วนร่วม
มีกรณีตัวอย่างมากมายในพระไตรปิฏกที่แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้ามักจะชักชวนผู้ที่ท่านสอนให้มีส่วนร่วมในการสนทนา
จนทำให้เกิดความเข้าใจหลักธรรมคำสอนที่ถูกต้อง ดังเช่น ในเล่มที่ 12 หัวข้อที่ 27….97เล่าว่าสมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก เศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้นแลชาณุโสณีพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
และสนทนาถึงความน่ากลัวของการอยู่ในป่า
พระพุทธเจ้าได้นำสนทนาถึงความน่ากลัวเกิดจากพฤติกรรมของคนที่ มีกาย
วาจาและจิตที่ยังไม่บริสุทธิ์ แต่ไม่มีความน่ากลัวสำหรับผู้ที่กายวาจาใจบริสุทธิ์แล้ว
จากนั้นก็สอนหลักธรรมให้ฟัง ในที่สุดชาณุโสณีพราหมร์ก็ออกบวชและบรรลุอรหันต์ในเวลาต่อมา
อีกตัวอย่างในอักโกสกสูตรที่ ๒
เล่มที่ 19 ข้อ 631…634 เล่าว่า สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระวิหารเวฬุวัน พระนครราชคฤห์ ฯ อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้ยินว่า
พราหมณ์ภารทวาช โคตรหลายคนจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระสมณโคดมแล้ว โกรธ ขัดใจ
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ด่าบริภาษพระผู้มี พระภาคด้วยวาจาอันหยาบคาย พระพุทธเจ้าชวนสนทนาว่า
เมื่อมีแขกมาเยี่ยมพราหมณ์ต้อนรับด้วยสิ่งของหลากหลาย เมื่อแขกไม่รับ ไม่บริโภคสิ่งของที่จัดให้
สิ่งของนั้นจะเป็นของใคร พราหมณ์ตอบว่ายังเป็นของตนเองเหมือนเดิม
พระพุทธเข้าก็สรุปว่า เช่นเดียวกัน เรามาเยือนถึงบ้านเมืองท่าน พราหมณ์ต้อนรับเราผู้เป็นแขกด้วยถ้อยคำหยาบคาย
เราไม่รับ ไม่บริโภคคำหยาบคายของท่าน ทุกถ้อยคำยังเป็นของท่านเช่นกัน
จากนั้นก็ถือโอกาสสอนโทษแห่งความโกรธและคุณประโยชน์ของการไม่โกรธ
ในที่สุดพราหมณ์ชื่มชมเลื่อมใสขอบวชในพระพุทธศาสนา
จากกรณีตัวอย่างที่นำเสนอนี้
เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นถึงความเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ของพระ พุทธเจ้า
เป็นครูที่มีพฤติกรรมการสอนที่น่าอัศจรรย์
ยิ่งศึกษาชีวประวัติและผลงานท่านยิ่งจะพบเห็นเทคนิควิธีสอนแปลก ๆ
ที่ท่านใช้ ซึ่งมักจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม
ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพผู้รับคำสอน
เราจะได้เห็นบางคราวท่าน ใช้วิธีตอบปัญหาที่ผู้มาเฝ้าถาม บางทีสอนให้เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมโดยอาศัยสิ่งที่เป็นรูปธรรมเป็นสื่อให้เกิดความเข้าใจ มีมากมายหลายอุทาหรณ์ที่ท่านใช้วิธีสาธก อ้าง
เหตุการณ์
ประวัติ
หรือชาดกสอนให้ผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้งในอรรถธรรม นับว่าท่านเป็นครูที่บริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติของครูอย่างแท้จริง
ได้แก่ ปิโย
เป็นบุคคลที่ใครได้พบเห็นก็มีความรู้สึกรักใคร่เป็นมิตร คุรุ
เป็นผู้มีจิตใจหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคปัญหา ภาวนีโย เป็นผู้มีจริยะธรรมน่าเคารพนับถือ วัตตา มีคำพูดที่แหลมคมกระทบใจคนฟัง วจนักขโม มีความอดกลั้นสูงถูกคนดุด่าว่ากล่าว
ยังมีน้ำในสั่งสอนให้เขาได้เข้าใจหลักธรรมโดยไม่โกรธ คัมภีรกถัง กัตตา
สามารถขยายความสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย โนจัฎฐาเน นิโยชเน ไม่ชักนำใคร ๆ ไปทางเสียหายพุทธัง
สรณัง คัจฉามิ
......................
ขุนทอง ตรวจทาน 1/8/59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น