วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

บทสวดมนต์ยามเจ็บป่วย









บทนี้สั้นดี นิยมสวดตอนไหว้พระประจำวันเช้าหรือเย็น

พระคาถาสักกัตวา (โอสถปริตร)

..........สักกัตตะวา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เม
.........สักกัตตะวา ธัมมะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง ปะริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินานัสสันตุปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เม
........... สักกัตตะวา สังฆะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินานัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุ เม
............(คำว่า เม ท้ายบทสวดแต่ละตอน แปลว่า แก่ข้าพเจ้า  ถ้าจะสวดเพื่อคนอื่น เปลี่ยน เม เป็น เต แปลว่า แก่ท่าน แทน)

บทสวดคำบาลี แปลเป็นไทยใจความว่า......

..........เพราะทำความเคารพพระพุทธรัตนะ อันเป็นดั่งโอสถอันอุดมประเสริฐ เป็นประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศไป ขอทุกข์ทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยสวัสดี

...........เพราะทำความเคารพพระธรรมรัตนะ อันเป็นดั่งโอสถอันอุดมประเสริฐ เป็นเครื่องระงับความกระวนกระวาย ด้วยเดชแห่งพระธรรมรัตนะ ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศไป ขอภัยทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยสวัสดี

........... เพราะทำความเคารพพระสงฆรัตนะ อันเป็นดั่งโอสถอันอุดมประเสริฐ เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ ด้วยเดชแห่งพระสงฆ์
ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศไป ขอโรคทั้งหลายของท่านจงสงบไปโดยสวัสดี



บทสวดโพชฌงคปริตร บทนี้ก็นิยมใช้สวดให้คนป่วยฟัง


คำบาลี

.......โพชฌังโคสะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา วิริยัมปีติปัสสัทธิ โพชฌังคา จะตะถาปะเร สะมาธุ

เปกขะโพชฌังคา สัตเต เต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา ภาวิตา พะหุลีกะตาสังวัตตันติ อะภิญญายะ

นิพพานายะ จะ โพธิยา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทาฯ

........เอกัสะมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสะวา โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ

เต จะ ตัง อะภินันทิตะวาโรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทาฯ

........เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตะวานะ สาทะรัง สัมโม

ทิตะวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส เอเตนะ สัจจะวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพะทาฯ

.........ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง เอเตนะ

สัจจะวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพะทาฯ

คำแปล

........โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์

ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ 7 ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า

ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อ

ความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

......... ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับ

ความลำบาก จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพช

ฌงคธรรม โรคก็หายได้ในบัดดล ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

...........ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก รับสั่งให้พระจุนทะเถระ

กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลันด้วย

การกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

...........ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ องค์นั้น หายแล้วไม่กลับเป็นอีก ดุจดัง

กิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี

จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ…จบคำแปลแค่นี้นา

............ผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมโพชฌงค์ก็จะเข้าใจความธรรมดาของชีวิต ว่าเป็นของไม่เที่ยง

มีการแตกดับไปเป็นของธรรมดา เมื่อเข้าใจก็จะเห็นความแตกดับเป็นเรื่องที่ปกติ สิ่งใดเกิดมาสิ่งนั้นย่อม

ดับไป ก็จะทำให้มุ่งรักษาใจไม่ให้ป่วยนี่แหละคือความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของโพชฌงคปริตร