ทำบุญแจกข้าว
.............ปุจฉา : อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า การทำบุญแจกข้าวของไทยอีสาน สมัยปัจจุบัน ควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมคะ ?
.............ปุจฉา : อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า การทำบุญแจกข้าวของไทยอีสาน สมัยปัจจุบัน ควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมคะ ?
..............เพื่อนครูชาวสามัญศึกษามีญาติเสียชีวิตไปได้เดือนเศษ
เจอหน้ากันในงานอบรมสัมมนา แทนที่จะถามถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษา กลับ
ถามถึงการทำบุญแจกข้าว นับว่าเป็นบุคลากรแห่งการเรียนรู้ที่ใช้ได้ มีโอกาสเป็นแสวงหาความรู้ทันที คงเห็นว่ากระผมเคยสอนวิชาธรรมศึกษาตรีให้นักเรียนอยู่สี่ห้าปี
น่าจะรู้เรื่องทำบุญทำทานอยู่บ้างก็เลยถาม ก็ไม่ผิดหวังหรอกครับ เพราะบังเอิญกระผมมันคนรุ่นเก่าที่พอจะรู้เรื่องราวเดิม
ๆของประเพณีพื้นบ้านอยู่บ้าง และมีแนวคิดที่กล้าจะแหวกไปจากกรอบเก่า ๆ
ที่เห็นว่าไม่เหมาะสม การทำบุญแจกข้าวเป็นคำอีสานร้อยเปอร์เซ็นต์ครับแจกก็คือแจกจ่าย
คือการให้ทาน นั่นเอง ส่วนข้าว
หมายถึงข้าวปลาอาหาร ปัจจุบันหมายรวมถึงสิ่งของที่นำมาทำบุญด้วย
.............. การทำบุญแจกข้าวเกิดจากสาเหตุสำคัญ คือปรารภถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับไป
ต้องการจะทำ
บุญอุทิศบุญกุศลไปให้ ชาวพุทธมีความเชื่อว่า เมื่อตายไป หากยังไม่เข้าถึงนิพพาน ก็เป็นคนมีกิเลสมีสังขารยังไม่หมดสิ้น ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยชักนำให้วนเวียน อยู่ในสังสารวัฏ อาจเป็นภูติ เป็นเทพ เป็นเปรต เป็นดิรัจฉาน หรือเป็นสัตว์นรก แล้วแต่เหตุปัจจัยที่สะสมไว้ ช่วงที่ละจากมนุสโลกไป ต้องเป็นไปด้วยผลบุญ หรือบาปที่เคยสร้างเอาไว้ โอกาสที่จะทำบุญเองหาได้ยาก โดยเฉพาะพวกที่เป็นภูติหรือเปรตที่มักจะวนเวียนกลับมาหาญาติพี่น้อง ด้วยหวังว่าเขาจะทำบุญอุทิศไปให้ แล้วจะได้ อนุโมทนา เป็นวิธีที่จะได้บุญกุศล ดังมีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎกมากมาย เช่นกรณีเปรตญาติพระเจ้าพิมพิสารมาขอส่วนบุญ กรณีพระมาลัย ไปท่องนรก สวรรค์ แล้วกลับมาเล่าเรื่องคนที่ตกนรก หรือคนที่ได้ขึ้นสวรรค์ให้ชาวบ้านฟัง เป็นต้น ดังนั้นชาวพุทธจึงนิยมทำบุญอุทิศให้ญาติผู้ล่วงลับไป เรียกกันว่า "แจกข้าว" นั่นเอง
บุญอุทิศบุญกุศลไปให้ ชาวพุทธมีความเชื่อว่า เมื่อตายไป หากยังไม่เข้าถึงนิพพาน ก็เป็นคนมีกิเลสมีสังขารยังไม่หมดสิ้น ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยชักนำให้วนเวียน อยู่ในสังสารวัฏ อาจเป็นภูติ เป็นเทพ เป็นเปรต เป็นดิรัจฉาน หรือเป็นสัตว์นรก แล้วแต่เหตุปัจจัยที่สะสมไว้ ช่วงที่ละจากมนุสโลกไป ต้องเป็นไปด้วยผลบุญ หรือบาปที่เคยสร้างเอาไว้ โอกาสที่จะทำบุญเองหาได้ยาก โดยเฉพาะพวกที่เป็นภูติหรือเปรตที่มักจะวนเวียนกลับมาหาญาติพี่น้อง ด้วยหวังว่าเขาจะทำบุญอุทิศไปให้ แล้วจะได้ อนุโมทนา เป็นวิธีที่จะได้บุญกุศล ดังมีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎกมากมาย เช่นกรณีเปรตญาติพระเจ้าพิมพิสารมาขอส่วนบุญ กรณีพระมาลัย ไปท่องนรก สวรรค์ แล้วกลับมาเล่าเรื่องคนที่ตกนรก หรือคนที่ได้ขึ้นสวรรค์ให้ชาวบ้านฟัง เป็นต้น ดังนั้นชาวพุทธจึงนิยมทำบุญอุทิศให้ญาติผู้ล่วงลับไป เรียกกันว่า "แจกข้าว" นั่นเอง
..............ทำแบบไหนจึงจะเหมาะจะควรสำหรับยุคสมัยปัจจุบัน มีข้อเสนอแนะเป็นหลักการก่อนคือ
การแจกข้าวเป็นการจัดงานครับ กิจกรรมทั้งหลายที่ชาวบ้าน ปฏิบัติกันจะพบว่ามี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
ประเภทที่ทำแล้วผลเป็นเรื่องที่ดีงาม อย่างนี้จัดเป็นกิจกรรมที่ทำแล้วได้บุญกุศล ส่วน กิจกรรม
อีกประเภทหนึ่งเป็นชนิดทำแล้วได้ความเศร้าหมองคือบาป การแจกข้าว สิ่งที่พวกญาติพี่น้องผ้
ูล่วงลับ ไปเขาต้องการคือ ส่วนที่เป็น บุญกุศลครับ สำหรับที่เป็นบาปเขาไม่ต้องการ
ดังนั้นเราจึงพบว่า เขาอุทิศส่วนบุญให้ผู้ตายครับ
ไม่เคยได้ยินว่าอุทิศบาปให้ใคร
..............เมื่อทราบหลักการดังกล่าวแล้ว
จึงขอสรุปแนวปฏิบัติในการทำบุญแจกข้าวที่เหมาะสำหรับยุคสมัยคือ
1) ทำอะไรก็ได้ ที่ทำแล้วได
้บุญกุศล
2)
อุทิศบุญที่ทำได้แล้วไปให้ญาติผู้ล่วงลับไป
.............ข้อเสนอแนะเตรียมงานแจกข้าว มีงบประมาณพอ เวลาเตรียมการล่วงหน้าซัก 1
สัปดาห์ ลองดูตามนี้ก็ได้ครับ
1.
หาไทยทานถวายพระ เลือกของที่พระใช้ประโยชน์ได้ (จะเอาไปทำทาน ได้บุญแน่)
2.
เตรียมอาหารเลี้ยงแขกฟรี ๆ เอาประเภทที่ไม่ต้องทำบาป (เป็นการทำทาน ได้บุญ) อ้อข้าวปลาอาหารที่ทำไว้เยอะ ๆ เวลาแขกลากลับ
ตักใส่ถุงให้เขานำไปฝากคนที่บ้านด้วยนะครับ ได้บุญเพิ่มมากขึ้น
3.
นิมนต์พระมาเทศน์ให้แขกฟัง
เลือกเรื่องที่ฟังแล้วฉลาดเกิดปัญญา (ภานามัยถึงจะเกิด ได้บุญมาก ๆ)
4.
เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียน ไว้แจกเด็กนักเรียน นี่ก็ทำทาน ได้บุญ แน่นอน)
5. ปฏิบัติศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ตลอดวันทำบุณ
(นี่ก็ได้บุญเยอะ สีลมัย)
6. จัดหาข้าวของมาทำบังสุกุลเป็นเช่น
เสื้อผ้า ของใช้ เลือกเอาของดี ๆ
แจกให้ญาติพี่น้องที่ยังไม่ตาย เด็ก ๆ ก็ให้ ผู้ใหญ่ก็ให้
บังสุกุลให้คนตัวเป็น ๆ แบบนี้ให้แล้วถึงทันที ไม่ต้องรอนาน (นี่ก็ได้บุญทานมัย)
7.
ยังพอมีเงินเหลือเพราะไม่จ้างหมอลำซิ่ง วงดนตรี เอาเงินไปสมทบกองทุน มูลนิธิ ต่าง ๆ
(นี่ก็ได้บุญจาก ทานมัย)
..............ทำบุญแจกข้าว ทำได้ตลอดเวลา
ไม่ต้องรอให้มีคนตายซะก่อน
ทำแล้วถึงมือผู้รับทันที
ไม่ต้องรองรอสามวันเจ็ดวัน เหมือนลูกหลาน
รอเราส่งเงินไปให้นั่นแหละ หาได้รีบส่งให้เขา ดีที่สุด อย่างกระผมต้องการทำบุญแจกข้าวให้ญาติ
ก็จะมีญาติ 2 จำพวกพวกแรก
ยังมีชีวิตอยู่
พวกหนึ่งล่วงลับไปแล้ว
พวกยังมีชีวิตอยู่สำคัญมากครับ สามารถรับไทยทานจากมือเราได้ทันที
ลองดูซิครับหาอาหาร
อร่อย ๆ ไปมอบให้พ่อแม่ หาเครื่องนุ่งห่มดี ๆ ไปมอบให้ท่าน แบบนี้ดีใจมาก ๆ ครับ ส่วนการทำบุญแจกข้าวให้ผู้ล่วงลับไปต้องพิจารณาให้ดีครับ ทำแล้วต้องได้บุญเยอะ ๆ แบบชาวไร่ชาวนา ทำนาแล้วอยากได้ข้าวมาก ๆ นั่นเองหละ ผู้ทำบุญต้อง ฉลาด ต้องเข้าใจ อันไหนทำแล้วได้บุญทำมาก ๆ อันไหนทำแล้วได้บาป พยายามเลี่ยงหรือเว้นไว้ไม่ทำ
อร่อย ๆ ไปมอบให้พ่อแม่ หาเครื่องนุ่งห่มดี ๆ ไปมอบให้ท่าน แบบนี้ดีใจมาก ๆ ครับ ส่วนการทำบุญแจกข้าวให้ผู้ล่วงลับไปต้องพิจารณาให้ดีครับ ทำแล้วต้องได้บุญเยอะ ๆ แบบชาวไร่ชาวนา ทำนาแล้วอยากได้ข้าวมาก ๆ นั่นเองหละ ผู้ทำบุญต้อง ฉลาด ต้องเข้าใจ อันไหนทำแล้วได้บุญทำมาก ๆ อันไหนทำแล้วได้บาป พยายามเลี่ยงหรือเว้นไว้ไม่ทำ
..............การทำบุญตามหลัก พุทธศาสนามี 3
หลักใหญ่ คือ ทานแล้วได้บุญ รักษาศีลก็ได้บุญ ภาวนาอบรมจิตใจและปัญญาก็ได้บุญ ส่วนบาปท่านไม่ให้หลักเกณฑ์เอาไว้
ว่ามีหลักอะไรบ้าง พวกเราฉลาดทำบาปกันอยู่แล้ว
แต่ท่านสอนว่ากิจกรรมใดทำแล้วเกิดความโลภเป็นบาป ทำให้เกิดโทสะก็บาป ทำแล้วเกิดความโง่งมงายก็บาป
..............ดังนั้นจะทำบุญแจกข้าวเจ้าภาพจงพยายามละกิจกรรมที่ทำให้เกิดบาป
ทำสิ่งที่จะได้บุญมาก ๆ ประเภท ล้มวัว
ล้มควายทำบุญแจกข้าวละก็เลิกเลยไม่คุ้ม ประเภทละเลงสุราบานทั้งแขกทั้งเจ้าภาพเมาหัวราน้ำ
นี่ก็แหงล่ะครับบาปทั้งนั้น
แล้วจะเอาบุญที่ไหน
ไปอุทิศ ให้ญาติเขา ทีนี้เมื่อ
ได้บุญแล้วก็ส่งด้วยการกรวดน้ำอุทิศไปให้เป็นอันจบกระบวนการทำบุญแจกข้าวครับ ส่วนพิธีรีตรองที่เราเห็นทำกันใหญ่โต
มีมหรสพ สมโภช ยังกะงาน เทศกาลนั่นเพียงเปลือกครับ ที่ส่งให้ผู้ตายจริง ๆ ส่งได้แค่บุญ
เท่านั้น บาปก็ส่งไม่ได้ เหล้ายา การพนันที่หามาราคาแพง ๆ ไม่มีประโยชน์ สำหรับผู้ล่วงลับแม้แต่น้อย ถ้าสนใจเปลือกกระพี้ถามมาใหม่แล้วกันนะครับ
----------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59
เท่านั้น บาปก็ส่งไม่ได้ เหล้ายา การพนันที่หามาราคาแพง ๆ ไม่มีประโยชน์ สำหรับผู้ล่วงลับแม้แต่น้อย ถ้าสนใจเปลือกกระพี้ถามมาใหม่แล้วกันนะครับ
----------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น