วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำบุญแจกข้าว

                                                    ทำบุญแจกข้าว
.............ปุจฉา : อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า การทำบุญแจกข้าวของไทยอีสาน สมัยปัจจุบัน ควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมคะ  ?
..............เพื่อนครูชาวสามัญศึกษามีญาติเสียชีวิตไปได้เดือนเศษ เจอหน้ากันในงานอบรมสัมมนา แทนที่จะถามถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษา กลับ ถามถึงการทำบุญแจกข้าว นับว่าเป็นบุคลากรแห่งการเรียนรู้ที่ใช้ได้ มีโอกาสเป็นแสวงหาความรู้ทันที  คงเห็นว่ากระผมเคยสอนวิชาธรรมศึกษาตรีให้นักเรียนอยู่สี่ห้าปี น่าจะรู้เรื่องทำบุญทำทานอยู่บ้างก็เลยถาม ก็ไม่ผิดหวังหรอกครับ  เพราะบังเอิญกระผมมันคนรุ่นเก่าที่พอจะรู้เรื่องราวเดิม ๆของประเพณีพื้นบ้านอยู่บ้าง และมีแนวคิดที่กล้าจะแหวกไปจากกรอบเก่า ๆ ที่เห็นว่าไม่เหมาะสม   การทำบุญแจกข้าวเป็นคำอีสานร้อยเปอร์เซ็นต์ครับแจกก็คือแจกจ่าย คือการให้ทาน นั่นเอง  ส่วนข้าว หมายถึงข้าวปลาอาหาร  ปัจจุบันหมายรวมถึงสิ่งของที่นำมาทำบุญด้วย
.............. การทำบุญแจกข้าวเกิดจากสาเหตุสำคัญ คือปรารภถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับไป ต้องการจะทำ
บุญอุทิศบุญกุศลไปให้ ชาวพุทธมีความเชื่อว่า เมื่อตายไป หากยังไม่เข้าถึงนิพพาน ก็เป็นคนมีกิเลสมีสังขารยังไม่หมดสิ้น ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยชักนำให้วนเวียน อยู่ในสังสารวัฏ อาจเป็นภูติ เป็นเทพ เป็นเปรต เป็นดิรัจฉาน หรือเป็นสัตว์นรก แล้วแต่เหตุปัจจัยที่สะสมไว้ ช่วงที่ละจากมนุสโลกไป  ต้องเป็นไปด้วยผลบุญ หรือบาปที่เคยสร้างเอาไว้ โอกาสที่จะทำบุญเองหาได้ยาก  โดยเฉพาะพวกที่เป็นภูติหรือเปรตที่มักจะวนเวียนกลับมาหาญาติพี่น้อง ด้วยหวังว่าเขาจะทำบุญอุทิศไปให้ แล้วจะได้ อนุโมทนา เป็นวิธีที่จะได้บุญกุศล ดังมีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎกมากมาย  เช่นกรณีเปรตญาติพระเจ้าพิมพิสารมาขอส่วนบุญ  กรณีพระมาลัย ไปท่องนรก สวรรค์ แล้วกลับมาเล่าเรื่องคนที่ตกนรก หรือคนที่ได้ขึ้นสวรรค์ให้ชาวบ้านฟัง เป็นต้น  ดังนั้นชาวพุทธจึงนิยมทำบุญอุทิศให้ญาติผู้ล่วงลับไป เรียกกันว่า "แจกข้าว" นั่นเอง
..............ทำแบบไหนจึงจะเหมาะจะควรสำหรับยุคสมัยปัจจุบัน  มีข้อเสนอแนะเป็นหลักการก่อนคือ การแจกข้าวเป็นการจัดงานครับ  กิจกรรมทั้งหลายที่ชาวบ้าน ปฏิบัติกันจะพบว่ามี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ประเภทที่ทำแล้วผลเป็นเรื่องที่ดีงาม อย่างนี้จัดเป็นกิจกรรมที่ทำแล้วได้บุญกุศล  ส่วน กิจกรรม  อีกประเภทหนึ่งเป็นชนิดทำแล้วได้ความเศร้าหมองคือบาป  การแจกข้าว สิ่งที่พวกญาติพี่น้องผ้ ูล่วงลับ ไปเขาต้องการคือ ส่วนที่เป็น บุญกุศลครับ สำหรับที่เป็นบาปเขาไม่ต้องการ ดังนั้นเราจึงพบว่า เขาอุทิศส่วนบุญให้ผู้ตายครับ ไม่เคยได้ยินว่าอุทิศบาปให้ใคร
 ..............เมื่อทราบหลักการดังกล่าวแล้ว จึงขอสรุปแนวปฏิบัติในการทำบุญแจกข้าวที่เหมาะสำหรับยุคสมัยคือ 
         1) ทำอะไรก็ได้ ที่ทำแล้วได ้บุญกุศล 
         2) อุทิศบุญที่ทำได้แล้วไปให้ญาติผู้ล่วงลับไป 
.............ข้อเสนอแนะเตรียมงานแจกข้าว   มีงบประมาณพอ เวลาเตรียมการล่วงหน้าซัก 1 สัปดาห์ ลองดูตามนี้ก็ได้ครับ
           1.  หาไทยทานถวายพระ เลือกของที่พระใช้ประโยชน์ได้ (จะเอาไปทำทาน ได้บุญแน่)
           2.  เตรียมอาหารเลี้ยงแขกฟรี ๆ เอาประเภทที่ไม่ต้องทำบาป (เป็นการทำทาน  ได้บุญ) อ้อข้าวปลาอาหารที่ทำไว้เยอะ ๆ เวลาแขกลากลับ ตักใส่ถุงให้เขานำไปฝากคนที่บ้านด้วยนะครับ ได้บุญเพิ่มมากขึ้น
           3.  นิมนต์พระมาเทศน์ให้แขกฟัง  เลือกเรื่องที่ฟังแล้วฉลาดเกิดปัญญา (ภานามัยถึงจะเกิด ได้บุญมาก ๆ)
           4.  เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียน ไว้แจกเด็กนักเรียน  นี่ก็ทำทาน ได้บุญ แน่นอน)
            5. ปฏิบัติศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ตลอดวันทำบุณ (นี่ก็ได้บุญเยอะ สีลมัย)
            6. จัดหาข้าวของมาทำบังสุกุลเป็นเช่น เสื้อผ้า ของใช้ เลือกเอาของดี ๆ  แจกให้ญาติพี่น้องที่ยังไม่ตาย เด็ก ๆ ก็ให้ ผู้ใหญ่ก็ให้ บังสุกุลให้คนตัวเป็น ๆ แบบนี้ให้แล้วถึงทันที ไม่ต้องรอนาน  (นี่ก็ได้บุญทานมัย)
          7.  ยังพอมีเงินเหลือเพราะไม่จ้างหมอลำซิ่ง วงดนตรี  เอาเงินไปสมทบกองทุน มูลนิธิ ต่าง ๆ (นี่ก็ได้บุญจาก ทานมัย)
..............ทำบุญแจกข้าว ทำได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้มีคนตายซะก่อน  ทำแล้วถึงมือผู้รับทันที  ไม่ต้องรองรอสามวันเจ็ดวัน เหมือนลูกหลาน รอเราส่งเงินไปให้นั่นแหละ หาได้รีบส่งให้เขา ดีที่สุด  อย่างกระผมต้องการทำบุญแจกข้าวให้ญาติ ก็จะมีญาติ 2 จำพวกพวกแรก ยังมีชีวิตอยู่  พวกหนึ่งล่วงลับไปแล้ว  พวกยังมีชีวิตอยู่สำคัญมากครับ สามารถรับไทยทานจากมือเราได้ทันที ลองดูซิครับหาอาหาร
อร่อย ๆ ไปมอบให้พ่อแม่  หาเครื่องนุ่งห่มดี ๆ ไปมอบให้ท่าน  แบบนี้ดีใจมาก ๆ ครับ ส่วนการทำบุญแจกข้าวให้ผู้ล่วงลับไปต้องพิจารณาให้ดีครับ ทำแล้วต้องได้บุญเยอะ ๆ แบบชาวไร่ชาวนา ทำนาแล้วอยากได้ข้าวมาก ๆ นั่นเองหละ ผู้ทำบุญต้อง ฉลาด ต้องเข้าใจ อันไหนทำแล้วได้บุญทำมาก ๆ อันไหนทำแล้วได้บาป พยายามเลี่ยงหรือเว้นไว้ไม่ทำ 
..............การทำบุญตามหลัก พุทธศาสนามี 3 หลักใหญ่ คือ  ทานแล้วได้บุญ   รักษาศีลก็ได้บุญ   ภาวนาอบรมจิตใจและปัญญาก็ได้บุญ  ส่วนบาปท่านไม่ให้หลักเกณฑ์เอาไว้ ว่ามีหลักอะไรบ้าง พวกเราฉลาดทำบาปกันอยู่แล้ว   แต่ท่านสอนว่ากิจกรรมใดทำแล้วเกิดความโลภเป็นบาป     ทำให้เกิดโทสะก็บาป   ทำแล้วเกิดความโง่งมงายก็บาป 
..............ดังนั้นจะทำบุญแจกข้าวเจ้าภาพจงพยายามละกิจกรรมที่ทำให้เกิดบาป ทำสิ่งที่จะได้บุญมาก ๆ  ประเภท ล้มวัว ล้มควายทำบุญแจกข้าวละก็เลิกเลยไม่คุ้ม  ประเภทละเลงสุราบานทั้งแขกทั้งเจ้าภาพเมาหัวราน้ำ นี่ก็แหงล่ะครับบาปทั้งนั้น    แล้วจะเอาบุญที่ไหน ไปอุทิศ ให้ญาติเขา  ทีนี้เมื่อ ได้บุญแล้วก็ส่งด้วยการกรวดน้ำอุทิศไปให้เป็นอันจบกระบวนการทำบุญแจกข้าวครับ   ส่วนพิธีรีตรองที่เราเห็นทำกันใหญ่โต มีมหรสพ สมโภช ยังกะงาน เทศกาลนั่นเพียงเปลือกครับ  ที่ส่งให้ผู้ตายจริง ๆ ส่งได้แค่บุญ
เท่านั้น บาปก็ส่งไม่ได้ เหล้ายา การพนันที่หามาราคาแพง ๆ ไม่มีประโยชน์ สำหรับผู้ล่วงลับแม้แต่น้อย  ถ้าสนใจเปลือกกระพี้ถามมาใหม่แล้วกันนะครับ 
----------------------
ขุนทอง ตรวจทาน 2/8/59






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น