วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ไปทำบุญที่ไหนดี

ปุจฉา  ทำไมไปทำบุญบ้าน ทำบุญผ้าป่า ทอดกฐิน สวดศพ สารพัดบุญ ให้รับศีลทุกครั้ง ไม่รับได้ไหม ?       
........เพื่อนครูอาจารย์ไปงานศพญาติมา บอกว่าช่วยงานศพ 3 วัน รับศีล 10 กว่ารอบ  อุตส่าห์เก็บความอัดอั้นเอาไว้มาระบายให้ฟัง  ที่จริงน่าเก็บเอาไป นมัสการถามหลวงพ่อ    ตอนนั้นเลย  เพื่อนหัวเราะแหะ ๆ บอกไม่กล้าถามกลัวโดนเคาะ กระโหลก  เมื่อก่อนกระผมก็เคยสงสัยเหมือนเขานั่นแหละ แต่พอได้เปลี่ยนที่นั่ง ไปร่วมกลุ่มกับพระบ้างเลยรู้ว่าทำไม
                   ทำบุญตามคติชาวพุทธ  มี 3 อย่าง คือทำบุญด้วยการทำทาน  ทำบุญด้วยรักษาศีลและทำบุญด้วยการอบรมจิตใจให้ฉลาด เกิดปัญญา คือหลักทาน ศีล ภาวนา เรียก บุญกริยาวัตถุ ดังนั้นงานทำบุญทุกประเภทพระท่านจะพยายามแนะนำทำให้ครบทั้ง 3 ทานกับศีล ทำง่าย มักจะเห็นทุกงาน ส่วนภาวนา คงคิดว่าทำยากเลย ไม่ค่อยสนใจทำ  ที่จริงไม่ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิวิปัสสนาเพราะนั่นเป็นวิธีหาปัญญาที่ ทำให้เกิดโลกุตตรปัญญา  ทำบุญบ้านคนมากขนาดนั้น ทำสมาธิไม่เกิดหรอก แต่เรา สามารถจัด อบรมทำให้เกิดโลกียปัญญาได้ ฟังเทศน์ซิขอรับ ที่ยังโง่ก็หายโง่ได้ แต่ต้องฟังเทศน์ชนิดที่ฟังรู้เรื่อง นะครับ
……..
การฟังเทศน์ชนิดที่ได้ยินแต่กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา อพยากตาธัมมา ไม่ไหวเหมือนกัน ขนาดคนเทศน์เองยังไม่รู้ว่าเทศน์ เนื้อหาอะไร ฟังหลายจบปัญญาก็ไม่เกิด

               รู้หลักการทำบุญแล้ว ทีนี้ก็มาถึงปัญหาว่าทำไมรับศีลบ่อยเหลือเกิน  พระพุทธเจ้าเคยแนะนำไว้ว่า  การทำทานที่จะได้บุญมาก นอกจากสิ่งของที่นำมาทำทานจะได้มาอย่างบริสุทธิ์ เป็นของมีคุณภาพดี ควรแก่สมณะวิสัยแล้ว  ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ  ผู้ให้ก็ต้องมีศีลบริสุทธิ ผู้รับก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์    ก็เลยเกิดการเลี่ยงบาลีกัน ก่อนทำทาน จะขอรับศีลก่อนเพราะรับศีลเสร็จใหม่ ๆ ถือว่ามีครบ 5 ข้อ ยังไม่ขาดสักข้อ แล้วก็ถวายทานตามหลัง นับว่าคนโบราณหัวแหลมไม่ใช่เล่น  ถ้าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่มาพบอุบาสก อย่างพวกเรา คงได้เห็นพระองค์แย้มสรวลว่าเออคนยุคนี้มันเก่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น