วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อัตตชีวประวัติ 3


เพิ่มเติมที่ตกหล่น
.......เขียนยาวมากไปแล้ว กำลังจะหาภาพมาลงประกอบ พอดีนึกขึ้นได้ว่าขาดเนื้อเรื่องสำคัญไปสองอย่าง คือเรื่องภรรยาและ บุตร เขียนถึงน้อยไป ก็เลยขอนำมาต่อท้ายตรงนี้แล้วกัน ภรรยาคนแรก น.ส.กาญจนา สิริหล้า เดิมเธอชื่อ น.ส.อู่แก้ว สิริหล้า มาเปลี่ยนเป็นกาญนา สิริหล้า ภายหลัง ชื่อเล่น    เขาเรียก แก้วเฉย ๆ คุณพ่อตาชื่อ ตาคูณ สิริหล้า คุณแม่ยาย นางวันดี สิริหล้า คุณตาเป็นครูโรงเรียนประจำจังหวัด จนเกษียณ มีบุตรธิดาหลายคน นายอารีย์ สิริหล้า นายสุระ.สิริหล้า นางบุญเจือ สิริหล้า และน.ส.อู่แก้ว สิริหล้า พี่ชายคนโตเป็นครู พี่ชายคนรองเป็นช่างไฟฟ้า พี่สาวเป็นแม่บ้าน คุณอู่แก้ว      สิริหล้า จบมัธยมจาก กรุงเทพฯ ที่โรงเรียนเพาะช่าง กลับมาเรียนครูที่วิทยาลัยครูอุดรธานี ได้วุฒิครู ปป.ไปสอบบรรจุที่จังหวัดเลย ที่โรงเรียนบ้านหนอง หมากแก้ว ตำบลปวนพุ อำเภอภูกระดึง จังหวัด    เลย ต่อมาได้ย้ายมาสอนที่โรงเรียนบ้านไร่พวย ตำบลหนองหิน อำเภอภูกระดึง มีพี่ชายเป็นครูใหญ่    ช่วงนี้เองที่ได้รู้จักกัน และนำไปสู่การแต่งงานในเวลาต่อมา อยู่ด้วยกันก็มีความสุขดีตามสมควร เป็น   แม่บ้าน ที่น่าประทับใจ ไม่ค่อยพูด แต่อยู่นอกบ้านทราบว่าพูดเก่ง อยู่บ้านเธอเอาแต่ยิ้มก็เลยไม่มีเรื่อง ให้ทะเลาะกัน กินง่ายอยู่ง่าย คงเพราะอยู่กรุงเทพ ฯ นาน เลยทำอาหารอีสานไม่เก่ง ต่างจากแม่ยาย      ที่ทำอาหารพื้นบ้านได้อร่อยมาก ๆ เราไปช่วยแกทำบ่อย และได้เรียนรู้การทำอาหารจากแกหลายอย่าง ทีเดียว มีเรื่องที่ขำไม่หายอยู่วันหนึ่งคุณกาญจนาเธอกลับมาจากทำงาน มาถึงก่อน เธอสับเส้น มะละกอใส่กะละมังไว้ เก็บผักมาพร้อม พอเรากลับถึงบ้านมากระซิบว่าตำส้มให้กินหน่อย แม่ยายมาเห็นด่าเอา  ”กูนึกว่ามึงจะตำส้มไว้ให้ผัวกิน มึงเตรียมไว้ให้ผัวทำให้กินนี่เอง” เราหัวเราะเพราะรู้อยู่ว่าแกทำอาหารอีสานไม่เก่ง เวลาเราจะ ตำแจ่วบองก็ทำเยอะ ๆ ใส่กระปุกไว้ให้ แกเอาไปกินที่โรงเรียน เพื่อนครูสาว ๆ มาเยี่ยมบ้านชมใหญ่เลยว่าพี่เขยตำแจ่วบองอร่อย .ประมาณ ปี 2535 สุขภาพเธอเริ่มแย่งลง เป็นภูมิแพ้ ประเภทหอบหืด ก็รักษา กันตามสภาพ เพราะบ้านอยู่เขตเทศบาลเมืองเลย คลินิก โรงพยาบาล อยู่ไม่ไกล เพื่อนแกหลายคน ก็เป็นพยาบาลเคยได้รับคำแนะนำมากมาย แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ยาพื้นบ้าน  กว่า 50 ขนาน หามาให้ทดลองใช้ แต่อาการไม่ดีขึ้น เคยไปรักษาที่โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า 3 ปี   และพาไปผ่าตัดต่อมหอบหืดที่ โรงพยาบาลโคกเคียน นราธิวาส ก็ไม่หาย ที่สุดเธอก็จากไปปี 2542     ทิ้งมรดกไว้ ให้ 3 คนคือ
..........คนโต ศศิธร ศรีประจง (เดชไทย) ครูเชี่ยวชาญ พิเศษ ปริญญาโท วิชา เอกภาษาอังกฤษ ทำงาน ที่ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา
..........คนที่ 2 โฆษิต ศรีประจง วท.บ. พืชไร่ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำงานบริษัทเอกชน กรุงเทพ ฯ มีบ้านอยู่ที่สุขาภิบาล 5
..........คนที่ 3 สาวิตรี ศรีประจง วท.บ. เทคโนโลยีสารสนเทศ จาก ม.มหาสารคาม ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่กรุงเทพ ฯ
............ลูกคนกาญจนา เป็นอภิชาติบุตรทุกคน ขยัน อดทน ไม่เรื่องมาก เราเลี้ยงลูกด้วยความรักความเมตตา ก็มีบ้างที่ดุด่า ว่ากล่าวเมื่อลูกซน เคยตบบ้องหูเจ้าเหน่งเพราะตีกันกับพี่สาว มันหนีขึ้นไปหาพ่อตาที่สวน แม่ร้องไห้พากันตามหาลูก อารมณ์โมโห วูบเดียว ทำร้ายจิตใจลูก แต่นั้นมาเลิกดุด่า มันอยากเล่นเกมซื้อเครื่องเล่นเกมให้ อย่าแย่งกันนะ เล่นคอมเป็นซื้อคอมให้ จนตายาย บ่นสอนลูกเล่น   เกม แต่เราเชื่อเล่นมาก ๆ มันเบื่อเองแหละ พอเบื่อก็หันมาดูข่าว หาวิชาความรู้ไปเขียนรายงาน ดูบัน  เทิง จนติดคอมทุกคน คนโตจบปริญญาตรี สอบบรรจุ ขณะที่พ่อเป็นกรรมการสอบบุรรจุ เห็นคะแนน    ลูกสอบไม่ผ่านขาด 6 คะแนน ไม่ยอมช่วย ให้ตกไป ปีถัดมาสอบใหม่ มีคนด่าว่าบ้า แต่ลูกภูมิใจที่       พ่อไม่ช่วย ตอนนี้จบปริญญาโทแล้ว ที่สำคัญบรรจุที่ไหน เขาช่วยดูแลระบบคอม แทนครูคอมได้     สบาย ๆ แต่งงานแล้วมีลูกสาวหนึ่งลูกชายหนึ่ง สอนอยู่โรงเรียนศรีสงครามวิทยา ที่พ่อเคยบรรจุ          นั่นแหละ
...........อีกคนคุณโฆษิต ศรีประจง จบปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิตจาก กำแพงแสน ไปทำงานบริษัทเอกชน เพราะเขาให้ เงินเดือนสูงกว่าราชการ คนนี้นิสัยดี ไม่ค่อยพูด แต่ขยันทำงาน เจ้านายรักเอ็นดู   ใช้งานไม่มีวันหยุด เป็นเจ้าแห่งนวัตกรรม เทคโนโลยี ที่บ้านเครื่องเสียง กล้อง ราคาแพง ๆ จักรยาน
มันยังติดตั้งกล้องยังกะรถยนต์  ตอนนี้ซื้อบ้านอยู่แถวจตุโชติ สุขาภิบาล 5 มันเก่งกว่าพ่อแม่อีก ส่วน      ที่ยังทำไมได้คือ หา   ลูกสะใภ้ให้พ่อดู เลือกอยู่นั่นแหละ
...............ลูกสาวคนเล็ก คุณสาวิตรี ศรีประจง ลูกติดพ่อ เขาเกิดมาแม่ก็เป็นภูมิแพ้ พ่อเลยดูแลมาก  หน่อย นิสัยใจเย็น ขยันหนักเอา เบาสู้ ไม่รู้คิดยังไงไปสอบวิทย์คอม พอเขาชวนไปเรียนเทคโนสารสนเทศก็เปลี่ยนใจ เลยจบ วท.บ.เทคโนสารสนเทศ จาก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สมัครงาน     ทางอินเตอร์เนต ชอบงานเขียนโปรแกรม เลยลงไปอยู่กรุงเทพ พี่ชายซื้อบ้านเขาขอให้ไปอยู่ด้วย   เพราะพี่ชายไปต่างจังหวัด ทิ้งบ้านไม่มีคนเฝ้าประจำ ที่ทำงานอยู่ไกล เลยให้ออกรถเก๋ง 1 คัน ขับ         ขี่ไปทำงาน ตอนนี้ไปทำงานได้เอง สบายใจก็ขับมาเยี่ยมพ่อที่แปดริ้ว ห่างกัน 87 กิโลเมตรเอง คนนี้      ก็ยังโสด เคยมีหนุ่มมาติดพันก็เลิกรากันไป ตอนนี้ก็ยังโสดอยู่
........คิดถึงคุณกาญจนามากนะ พอเห็นลูกชายลูกสาวเติบโตเป็นคนดีทุกคน ก็สบายใจได้บ้าง ว่าเรา    ไม่ได้ทอดทิ้งลูกตามยถากรรม ถึงแม่จะจากไปลูกทุกคนเขาก็พัฒนาตนเองไปในทางที่ดีงามทุกคน  เขาทำสิ่งที่พ่อแม่ภูมิใจเสมอ ขอให้แม่แก้วสบายใจได้ เด็กทำดีและอุทิศบุญกุศลถึงแม่เสมอ
........ภรรยาคนที่สอง
............นับแต่ภรรยาคนแรกจากไปปี 2542 ก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานใหม่หรอก เพราะอายุมากแล้ว อยากออกบวชหลังเกษียณมากกว่า เลยไม่สนใจเสาะแสวงหา แต่เรามันคนติดไฮเทคโนโลยี ติดเราเตอร์ที่บ้าน เล่นอินเตอร์เนตความเร็วสูง เล่นเนต เล่นเอ็ม ไอซีคิว เพริท เขียนเวบไซท์ ก็ไปเห็นบริการเสาะหาเพื่อน นึกสนุกเลยสมัครเป็นสมาชิก บอกข้อมูลจริงด้วยว่า อายุ ห้าสิบเศษ เป็นหม้าย กำลังเหงา มีคนทักทายมาหลายคน แต่มีอยู่คนหนึ่งทักทายแล้วบอกสนใจอยากมีเวบไซท์ เราก็บอกว่าทำเวบไม่ยาก
อะไร ขอเพียงมีข้อมูลก็ทำได้ในวันสองวัน เพื่อนกันเขียนให้ฟรี ๆ เขาเอาจริง ชวนลูกสาวและน้องชาย มาเยี่ยมถึงเมืองเลย ก็ต้องทำให้ตามสัญญา อัพเวบให้ แล้วก็กลับไป จากนั้นมาก็เงียบหายไปพักหนึ่ง แล้วติดต่อมาใหม่ จนคุ้นเคยกันมากขึ้น รู้สึกจะ เข้าใจกันดี ที่สุดไปสู่ขอกับคุณยาย บุญเติม ณรงค์หนู ยายก็ว่าอายุมาก ๆกันแล้ว ถ้ารักชอบพอกันจริง ๆ ก็ไม่ห้าม ดังนั้นจึงมีภรรยาคนที่สองคือ คุณอรภา ณรงค์หนู เมื่อปี 2548 และปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ธนัญธร ณรงค์หนู
...........คุณอรภา ณรงค์หนู เป็นพยาบาล ระดับหัวหน้าตึก โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงทรา เป็นผู้ใหญ่ ใจดี แต่เอาการเอางาน โอบอ้อมอารี รักลูกน้อง อยู่ด้วยก็มีความสุขสบายดีตามสมควร เพราะมีนิสัยคล้าย   กัน ไม่ติดยศฐาบรรดาศักดิ์ ติดดินมากกว่า เราเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ก็ไปกันได้ นี่ก็สิบกว่าปีแล้ว ที่ได้ คุณธนัญธรเป็นคู่ชีวิต งานบ้านงานเรือนเธอบริหารได้เอง เราไม่ขัด เว้นแต่อยากให้ช่วยทำอะไรบอก    มาเราก็ทำให้ ส่วนมากก็ให้ขับรถพาไปธุระ รู้กันดีว่าธุระส่วนมากคือชอปกับเที่ยว ก็ดีนะไปเรื่อย ๆ        จนขับรถเข้ากรุงเทพได้สบาย ๆ เพราะหลงทาง บ่อยจนจำได้แล้ว หลงเมื่อไรก็ถามเนวิเกเตอร์ให้       มันพากลับบ้าน
….อยู่มาไม่นานก็เกิดปัญหาสุขภาพ เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ได้คุณธนัญธรซึ่งเขารู้แนวทางการรักษาดี   พาไปพบหมอ และส่งต่อไปที่โรงพยาบาลทรวงอก กรุงเทพ ฯ หมอทำบอลลูนให้ 3 จุด อาการดีขึ้นมาก และต้องทานยาและพบหมอบ่อย ๆ ตอนแรกก็เดือน ละครั้ง ต่อมาก็ขยายเป็นสองเดือน สามเดือน โชคดี ที่อยู่กับพยาบาล เลยรอดไปได้ ก็ขอบคุณเขามากที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพด้วยดี มาโดยตลอด
............คุณธนัญธรมีบุตรบุญธรรม 1 คนชื่อ บุลธนี ณรงค์หนู จบ ศศ.บ. กราฟิคคอมจาก ม.รังสิต มีประสบการณ์ทำงานที่โรงพิมพ์ และบริษัทเอกชนหลายแห่ง งานตรงสายที่ร่ำเรียนมา เคยไปทำงาน    ถึงเชียงใหม่ แม่คิดถึงมากจึงขอให้กลับมาทำที่บ้าน เพราะ บ้านเราก็มีงานให้เลือกทำมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทแถวสุวินทวงศ์ มีรถเก๋งน้อยขับไปทำงาน ก็สบายดี ตามสภาพ
.............คูณธนัญธรเป็นคนรักหมามาก มีถึง 6 ตัว แรกก็ขังกรง ต่อมามันตัวโตมากขึ้น เลยต้องสร้างบ้านที่กันแดดกันฝนได้ด้วย มีอิฐกระเบื้องเหลือจากสร้างบ้าน เอามาทำห้องพักให้หมา 6 ห้อง ติดมุ้งกันยุงให้ด้วย พื้นปูกระบื้องทำความสะอาดง่าย เลย เรียกคอนโดหมา เดิมจะให้อยู่ห้องละตัว ตอนหลังเปลี่ยนใจ สองตัวเล็กให้อยู่กรงบนบ้าน ดังนั้นที่คอนโดเลยอยู่กัน 4 ห้อง คือ เจ้าบึ๊ก เจ้าบั๊ก นังซูการ์ นังซู่ซ่า ส่วนพันธ์ุเล็กมีสองตัวคือ คุกกี้กับทาโร่ ให้นอนกรงบนบ้าน
.............อยู่กับคุณธนัญธรมาหลายปี มีทะเลาะกันบ้างเพราะเราเองพูดจาหลายแง่หลายง่าม เขาไม่เข้าใจก็เถียงกัน แต่พอเข้าใจก็ ไม่มีอะไร คุณธนัญธรเขาเป็นคนบริสุทธิใจ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร ตรงไปตรงมา ก็ยอม ๆกันไป เลยอยู่กันด้วยความสงบ สุข
ชีวิตช่วงตอนปลาย
............สุขภาพร่างกายถดถอยไปมากเพราะอายุมาก ทำงานหนักก็คงไม่ไหว เลยพักอยู่บ้านทำงานบ้าน ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสุนัข ว่างก็เอางานเก่า ๆ มาอ่าน ตรวจชำระไปในตัว จับมาทำบัญชีไว้พบว่ามากเหมือนกัน ค่อย ๆ อ่านไปแก้ไขไป
............งานประเภทร้อยแก้ว ส่วนมากเป็นเอกสารประกอบการสอนแจกครูไปมากแล้วยังเหลืออยู่ อ่านดูยังใช้ได้ แต่คงไม่ปรับ เพราะปรับยาก ต้องสืบค้น อ้างอิง แต่พวกงานเขียนเล่าเรื่อง ยังพอใช้ได้อยู่ เอามาปรับสำนวนหน่อยก็ใช้ได้ งานประเภทร้อยกรอง ที่เขียนสั้น ๆ ไม่เกิน 10 บท มีมากจริง ๆ ส่วนมากจะเป็นอวยพรวันเกิด อวยพรปีใหม่ แต่งตามอารมณ์ บางทีก็กลอน บางที ก็กาพย์ โคลง ฉันท์ ว่าง ๆ จะลองหยิบมาตรวจชำระ ร้อยกรองแบบยาว ๆ มีอยู่เยอะเหมือนกัน พวกนิทานก้อมแบบโจ้กอีสาน เขียนเล่น ไป ๆมาเกือบ ยี่สิบเรื่อง อันนี้สองจิตสองใจจะชำระดีไหม เดี๋ยวคนอ่านจะรู้ว่าเราคิดลามกก็เป็นเหมือนกัน ก็ได้จาก นิทานก้อมนั่นแหละ ประเภทนิราศน่าจะถึง 10 เรื่อง แต่ละเรื่องยาวมาก กำลังคิดอยู่ว่าตรวจชำระไหวไหม กัดฟันลองดูแล้ว 3 เรื่อง ก็จะพยายาม
เอกสารผลงานที่ทำมีอะไรบ้าง
1. เล่าเรื่องรามเกียรติ์ (เอกสารประกอบการสอนวิชาวรรณกรรมมรดก)
2. เล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน (เอกสารประกอบการสอนวิชาวรรณกรรมมรดก)
3. คู่มือนักเรียนธรรมศึกษาตรี(เอกสารประกอบการสอนธรรมศึกษาตรี)
4. แผนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา(เอกสารประกอบการสอนวิชาพระพุทธศาสนา )
5. แผนการสอนวิชาภาษาไทย ม. 4 ม.5และ ม.6
7.คู่มือการใช้ CU-WRITER (เอกสารประกอบการอบรมครู )
8.แนะนำการสร้าง POERPOINT PRESENTATION(เอกสารประกอบคำบรรยายในการอบรมครู )
9.แนะนำการใช้ EXCEL เพื่อการวัดผลประเมินผลการเรียน(เอกสารประกอบการอบรมครู )
10.เอกสารประกอบการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู วิชาวิธีสอนวิชาเฉพาะ
11. เอกสารประกอบการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู การประเมินผลและสร้างแบบทดสอบ
12. แบบฝึกเสริมทักษะร้อยกรอง(สื่อประกอบงานวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการแต่งกาพย์กลอน)
13. คู่มืออบรมการใช้โปรแกรม CU-WRITER (จัดทำเพื่อใช้อบรมครู)
14. คู่มืออบรมการใช้โปรแกรม RW-WRITER (จัดทำเพื่อใช้อบรมครู)
15. คู่มืออบรมการใช้โปรแกรม MS-WORD (จัดทำเพื่อใช้อบรมครูจัดทำเพื่อใช้อบรมครู)
16. แนะนำการใช้โปรแกรม EXCEL วิเคราะห์แบบทดสอบ(จัดทำเพื่อใช้อบรมครู)
17. เทคนิคการวิเคราะห์ค่าสถิติด้วย EXCELจัดทำเพื่อใช้อบรมครู)
18. เอกสารประกอบการสอนวิชาหลักและวิธีสอนทั่วไป ( สื่อแบบ E-Book)
19. เอกสารประกอบการสอนวิชาวัดผลประเมินผล ( สื่อแบบ E-Book)
20. บทสนทนาหลักธรรมและแนวปฏิบัติของชาวพุทธ (ไฟล์เสียง บันทึก ปี -)
21. ตารางเอกเซลสำเร็จรูปวิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐาน
22. ตารางเอกเซลสำเร็จสำหรับวิเคราะห์แบบทดสอบ
23. ตารางเอกเซลวิเคราะห์ค่าสถิติสำหรับใช้ทดสอบผลการวิจัยเชิงทดลอง
.........23 รายการนี้เป็นเอกสารที่ทำขึ้นใช้ในการสอน การจัดอบรม อ่านดูชักไม่ทันสมัยเล้ว คงไม่ตรวจชำระ ปล่อยทิ้งให้ลูก
24. สนทนาธรรมกับอาจารย์ขุนทอง ( สื่อแบบ E-Book)
25. รวมผลงานการสร้างเวบไซท์ เวบไซท์ ( สื่อแบบ offline internet)
26. ผลงานเขียนแบบความเรียง เรื่อง ( สื่อแบบ E-Book)
27. ผลงานเขียนแบบร้อยกรอง เรื่อง ( สื่อแบบ E-Book)
        หนังสืออีบุ๊ค ที่ผมทำไว้ เป็นเวบไซท์แบบออฟไลน์ มีหน้าคำนำ ประวัติผู้เขียน หน้าอินเดกซ์         จะลิงค์ไปเนื้อหาเป็นเรื่อง ๆแล้วมีปุ่มย้อนกลับมาหน้าอินเด็กซ์ เหมือนดูเวบไซท์ทุกประการ มีทั้งภาพประกอบ คลิพเสียง เดิมเรียกเวบไซท์แบบออฟไลน์พอเขาเห่ออีบุ๊คกัน ปรากฏว่าของเราก็สามารถเรียก อีบุ๊คได้สบาย ๆ
24-27 หัวข้อนี้ได้นำไปลงเวบบลอกแล้ว เหลือไว้เป็นต้นฉบับเฉย ๆ ไม่ต้องชำระอีก
28.แนะนำการแต่งกลอนแปด
29.แนะนำการแต่งกาพย์ยานี
30. แนะนำการแต่งกาพย์สุรางคนาง
31.แนะนำการแต่งกลอนกลบท
32.แนะนำการแต่งโคลงสี่สุภาพ
33. แนะนำการแต่งโคลงดั้น
34.แนะนำการแต่งโคลงกลบทชนิดต่าง ๆ
35..ลีลาลูกทุ่ง เรื่อง (เรื่องเล่า)
......รายการที่ 28-35 ตรวจสะกดการันต์ก็พอแล้ว เนื้อหายังใช้ได้ดีอยู่
36. นิราศโตเกียว (กลอน) แต่งเมื่อ ปี 2522 ต้นฉบับหาย เหลื่อแต่ไฟล์ที่เป็นรูปภาพ กำลังรื้อพิมพ์ใหม่ ปรับปรุงแก้ไขไปด้วย
37. นิราศภูกระดึง (โคลงสี่สุภาพ) แต่งเมื่อปี 2524
38. นิราศสมุย(กลอนแปด)
39. นิราศไทรโยค(โคลงดั้น)
40. นิราศเมืองเหนือ(โคลงดั้น)
41. นิราศบางระจัน (กลอน)
42.นิราศดอยอ่างขางคำกลอน แต่งปี
43..ท้าวขูลูนาวอั้วคำโคลง แต่งปี
44..นางผมหอมคำกลอนกลบท แต่งปี
45. ท้าวเซียงเหมี่ยงคำโคลง โคลงกลบท ตอน แต่งปี
46.. นิทานอีสปคำกลอน เรื่อง (สื่อแบบ E-Book)
47. บท โคลง กลอนแต่งอวยพรวันเกิดและอวยพรอื่น ๆ กว่า 100 บท
48.นิทานพื้นบ้านอีสาน เรื่อง (กลอนนิทาน)
รายการที่ 36 - 48 ค่อนข้างยาว กำลังตรวจชำระ เสร็จแค่ 3 เรื่อง
ช่วงสุดท้ายของชีวประวัติ
.............เขียนชีวประวัติก็ต้องมีจบเหมือนเขียนเรื่องอื่น ๆ 72 ปีแล้วที่โลดแล่นไปตามวงเวียนชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เกิด โต เป็นเด็ก เป็นเด็กวัยเรียน วัยรุ่น เป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนแก่ ที่กำลังนั่งเขียนอัตตชีวประวัติอยู่นี่เอง ทบทวนดูแล้วผ่านมาหลายบทบาทหน้าที่ เหมือนกัน หน้าที่บางอย่างก็ทำได้ดี บางอย่างก็บกพร่อง แต่มันกลับไปแก้ไขไม่ได้หรอก เพราะมันผ่านมาแล้ว แต่บอกได้ว่าทุกบท บาทหน้าที่ เราพยามทำให้ดีที่สุด ให้บกพร่องน้อยที่สุด ไม่เสียใจสิ่งที่ทำในบทบาทหน้าที่เหล่านั้น หน้าที่อะไรบ้าง อย่างเป็นลูกของ พ่อแม่ เป็นน้องของพี่สาวพี่ชาย เป็นเพื่อนเล่นของเด็กหญิงชายในหมูบ้าน เป็นนักเรียนของคุณครู เป็นลูกชายที่ช่วยภาระครอบครัว เป็นพระภิกษุในวัด เป็นศิษย์ครูอาจารย์ทางศาสนา เป็นครูสอนนักธรรมบาลี เป็นพี่ป้าน้าอาของญาติ ร่วมสายโลหิต เป็นสามีของ ภรรยา เป็นบิดาของบุตรธิดา ได้เป็นครูโรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ เป็นนักเทศน์ ได้เป็นครูมัธยมศึกษา เป็นลูกน้องในหมวดวิชา เป็นหัวหน้าหมวดวิชา เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นเลขานุการกลุ่มโรงเรียน เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสามัญศึกษา เป็นรองผู้อำนวยการ สพฐ. ระดับจังหวัด เป็นผู้ตรวจราชการประจำเขตพื้นที่ เป็นข้าราชการบำนาญ สุดท้ายก็เป็น คุณตาแก่ ๆ ประจำบ้าน คงไม่มีหน้าที่อื่นอีกแล้ว สิ่งอยากจะฝากถึงคนที่ได้อ่านก็คือ ทุกบทบาทหน้าที่ที่เรามีโอกาสได้ทำ จงทำให้ดีที่สุด บกพร่องน้อยที่สุด เพราะเมื่อผ่านมาแล้วเราจะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีก แค่นี้แหละครับ 
-------------
ขุนทอง ศรีประจง
6 /12/2559

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น