วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จันทร์ที่ 19 เข้าวัง


จันทร์ที่ 19 ธค.2559 



...........บันทึกเอาไว้ช่วยจำนับแต่พ่อหลวงจากไป ติดตามข่าวคราวตลอดมา เคยตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปเคารพ พระบรมศพท่านบ้าง วันอาทิตย์ไปเยี่ยมลูกสาวที่ จตุโชติ สุขาภิบาล 5 เป็นไข้ไม่สบาย ปรากฏว่าหายดีแล้ว จะไปเที่ยวไหนดี ข่าวทีวีฉายภาพคนไปไหว้พระบรมศพพอดี เลยคิดออกว่านี่ไง ไหน ๆ มาใกล้แล้ว ลองไปดูจะยุ่ง ยากมากไหม ลูกสาวบอกไม่ให้ไปคนเดียว อากาศร้อนเดี๋ยวเป็นลม ตกลงจะไปกันเช้าวันจันทร์ วันอาทิตย์ก็หา ชุด มีเกือบครบแหละขาดกางเกงขายาวกับถุงเท้า ไปซื้อกลับมาก็ตรวจดู อ้าวกางเกงยังไม่ได้เย็บขา จะกลับไป ก็ค่ำมืดแล้ว เลยบอกลูกให้หาเข็มกับด้ายมาให้ ตัดขากางเกงออก เหลือแค่พับสองทบ รีดให้เรียบ เย็บติดพับแรก ให้ติดกันสองชั้น แค่สองตะเข็บก่อน รีดซ้ำให้เรียบ แล้วพับครั้งที่สอง คราวนี้เย็บ 4 จุดให้ติดแน่นก่อน ค่อยสอย ให้รอบ ลูกสาวนั่งมองด้วยความสงสัย นึกว่าเย็บแล้วจะกล้าใส่ไหม เราก็ไม่บอกนะว่า สมัยบวชเย็บสบงจีวรบ่อย ฝีมือไม่เลวหรอก
...........เช้าตื่นตีสี่ทานกาแฟแล้วก็พากันไปเอารถไปจอดที่ทำงานลูก แล้วต่อแทกซี่ไปสนามหลวง หกโมงครึ่ง ถึงรีบไปต่อแถว เดินเกือบครึ่งกิโลเมตรค่อยเห็นท้ายแถว อ้าวใกล้พิพิธภัณฑ์แสดงว่าแถวยาวมาก เจ้าหน้าที่ให้ รีบเดินไปเต้นเพื่อพักรอ มีเต้น ก - ซ เดินตามกันไปอ้อมมาทางศาลอาญา เลียบขอบสนามหลวงไปจนถึงมุม วัดพระแก้ว เอ ทำไมคนเดินสวนมาเยอะ ที่ไหนได้แถวดียวกับเรานี่เอง ตรงหน้าวัดพระแก้วคือตรงแถววนกลับ เลยศาลอาญามาหน่อยเขาให้เลี้ยวซ้ายเข้าเต้น แต่ยังไม่ใช่ที่นั่ง โห นี่ยืนและเดินสองชั่วโมงแล้ว รอนานเขาถึง บอกมีที่นั่งว่างที่เต้น ฉ เต้นขนาดใหญ่ แปดหลัง หลังละ 2 ช่วงเสา มีป้าย ฉ1...ฉ2 ไปจนสุดท้าย ฉ 16 เก้าอี้ วางให้นั่ง 3 แถว แถวละ 4 หน้ากระดานเรียง 4 เวลาเดินเข้าวังจะเรียกแถวขวา ฉ1.-16 ก่อน ตามด้วยแถวกลางและ แถวซ้าย หมดเต้น ฉ เลยนับดูมันคนเยอะไหม แต่ละช่วงเสา เขาตั้งเก้าอี้ให้นั่งได้ 10 แถว แถวละ 4-4-4 รวม 12 คน ช่วงเสาหนึ่ง ๆก็ 120 คน 16 ช่วงเสาเป็น 1920 คน เยอะเอาการ เพื่อนบอกเขาปล่อยรอบแรกถึง ช และ ซ แล้ว นี่สามโมงเช้าแล้วนะ 



ยังไม่ถึงเต้นคิว
..........คนที่ยังไม่เคยเข้า เล่าให้ฟังว่าเขาปล่อยที่ละประมาณ 100 คน ช่วงที่กิจกรรมบำเพ็ญกุศล มีข้าราชการ มาร่วมพิธี ลดลง แต่ก็อนุญาตให้เขาไปเคารพได้ มิน่าจนเกือบเทียง ถึงเรียกเต้น ก นั่งดูอยู่ว่าไม่นานคงถึงตาเรา ตอนแรกนั่งเงียบไม่สนใจใครหรอก แต่ผ่านไปจนห้าโมงเช้าแล้วชักสนใจคนนั่งใกล้กันบ้าง เราเป็นคนพูดมาก เลยมีเรื่องคุยได้ไม่หยุด ตั้งแต่ชุดดำที่ตลาดมันแพงเพราะใช้กันมากจริง ๆ ขนาดเด็กสามขวบเขายังแต่งชุดดำ ให้ น่ารักดี แต่ชุดเด็ก 3 ขวบนี่มันเดินไม่ได้นะ เด็กสาว มช.นั่งติดกัน งง ถามว่าทำไมล่ะตา รองเท้าสีดำเขายัง ใส่ให้ลูกนี่แสดงว่าเดินได้ ปล่าวหรอกหนู ไม่สังเกตหรือตอนเข้ามานั่ง เด็กมันขี่คอพ่อมา เดินที่ไหนเล่า ยายที่ นั่งข้างหน้าสำลักน้ำ หันมาถาม ตามาจากไหนคะ คงนึกว่าเราบ้านนอกล่ะสิ ชุดดำเหมือนกันดูออกได้อย่างไร
..........เลยยืดอกหน่อย ๆ บอกไปว่า ตามาจากวังทางอีสานเหนือ จะมาเข้าวังคารวะพระบรมศพเหมือนกันนี่ แหละ มองกันใหญ่ เห็นรอยยิ้มทุกคนไม่ใช่แบบชื่นชมนี่นา เลยยืนยันว่าเรื่องจริง ไม่ได้โม้ ตามาจาก วังสะพุง จังหวัดเลย อยู่วังสะพุงตั้งยี่สิบปีนะ ชาววังตัวจริงเลยแหละ หัวเราะเลยทีนี้ไม่ใช่แค่ยิ้ม สาวมากรายหนึ่งแกบอก งั้นหนู่ก็ชาววังเหมือนตาสิ หนูอยู่ทรายขาวนะตา ทำไมไม่เห็นตาเลย อ๋อ บ้านทรายขาวตำบลหนึ่งของวังสะพุง ตอนตาเป็นครูอยู่ศรีสงครามวิทยา เด็กนักเรียนบ้านทรายขาวที่แหละมากว่าตำบลอื่น ๆ ที่หนูไม่เห็นตานั่นเรื่อง ปกติ ถ้าเห็นซิผิดปกติแน่ ตาไปอยู่วังสะพุงปี 2516 เกิดยัง หัวเราะกันใหญ่ ยังไม่เกิดค่ะ นั่นไงที่เกิดแล้วน่าจะ เป็นแม่หนู อ้าวนั่งด้วยกันนี่เอง แกแนะนำตัวหนูเป็นศิษย์เก่าศรีสงครามวิทยานะตา ปี 2540 จบ ม.6 ออกมาทำ ธุรกิจขายหวยรัฐบาล น่าน ย้อนไปหกปี 2534 ตาไปเป็นรองผอ.สามัญศึกษาแล้ว พวกหนูไม่มีวาสนาเห็นตาหรอก 
รอเต้นว่างถึงจะได้เข้าที่
ไล่ถ่ายกระแตไม่ทัน
.........คนนั้นถามคนนี้ถาม สนุกกัน ถ่ายรูปไปอวดทางบ้านสาว ๆอาสาจะไปเอาข้าวที่เขาแจกมาให้ ตาบอกอย่า เลยตาชอบออกไปโปรดสัตว์มากกว่า อ้าวตาโปรดสัตว์แบบไหน เลยต้องขยายความแบบพระไง เวลาพระไปขอ ข้าวขออาหารชาวบ้าน อุ้มบาตรไป ท่านเรียกซะโก้ว่าไปโปรดสัตว์ นี่เราก็จะไปขอรับทานเขา จะเรียกโปรดสัตว์ บ้างไม่ได้รึไง ดีจ๊ะตาหนูไปโปรดสัตว์กะตามั่ง ลุกไปห้าหกคน ไม่ได้กำลังหิวนะ แต่มันหิวนานแล้ว ไปเต้นแรก ได้ผัดซีอิ้วเส้นใหญ่ ๆ ยังกะอาหารเจ เห็นแต่เส้น ตายืนทานมันแถวนั้นแหละ เด็กสองสามคนมายืนทานด้วย มันอยากถามตาแต่ถามไม่ได้ ปากมันไม่ว่าง เอาแต่มอง เราไม่สนใจ ทานจนหมดค่อยยินถามทำไมตาไม่ไปนั่งทาน ล่ะ เลยบอก ตาคิดเหมือนพวกแกแหละ ดีไปเต้นใหม่มันตามหลังมาเลย เต้นสองนี่เป็นข้าวกับพวกเนื้อแดดเดียว ทอด ฉีกเส้นเล็ก ๆ ถ้าไม่ฉลาดไม่รู้นะนี่เนื้อแดดเดียวทอด นึกว่าเส้นด้าย ผ่านไปสองกล่องก็กลับที่นั่งได้ ตอนนี้ เห็นหมูตัวเท่าช้างแล้วไม่ใช่ช้างตัวเท่าหมู หายหิวไง 
..........ตามีลูกสาวลูกชายไหม แน่ะพออิ่มแล้วก็ตีสนิทเลยนะ ทำไมล่ะหนู อยากเกี่ยวดองกับตาล่ะซิ สาวน้อย หัวเราะบอกว่าใช่ค่ะตาคุยสนุก บอกตรง ๆได้นะว่าพูดมากไม่โกรธหรอกเพราะเรื่องจริง หัวเราะกันใหญ่ หันหน้า มาหาเรายื่นลูกอมให้เลยบอก รู้ทันนะจะปิดปากตาด้วยลูกอมใช่ไหมล่ะ แต่เอานะไม่ชอบขัดศรัทธาหรอก ตามี ทั้งลูกชาย ลูกสาวแหละ กำลังมองหาลูกสะใภ้อยู่เหมือนกัน ลูกชายมันจบหลายปีแล้วทำงานบริษัทเอกชน เป็น ลูกจ้างเขา มัวทำแต่งานเลยไม่เห็นลูกสะใภ้ซักที หล่อไหมตาลูกชายตา เลยต้องยืดอกมากหน่อยบอกว่าหล่อ แบบตานี่แหละ คราวนี้คนสำลักนมกล่องเป็นสาวน้อยที่นั่งติดกัน แหมตาถ้าหล่อแบบนี้ละก็โอเคนะ เออดีลูก เดียว ให้มันส่งคนมาทาบทาม เอ้ยไม่ใช่ส่งไลน์ก่อนซิเนาะ สมัยนี้ แล้วลูกสาวล่ะตามีไหม แหมหนูมือระดับนี้มันก็ต้องมี สิ แต่พูดมากไม่ดี ทำไม่ล่ะ อ๋อเพราะมันนั่งมองอยู่ข้างหลังนี่เอง หัวเราะกันใหญ่ เพิ่งรู้นะว่าตากลัวลูกสาว ไม่มีอะไรหนู ลูกสาวคนนี้มันดุเหมือนแม่มัน ไม่ชอบให้ตาพูดมาก ตาเลยพูดคนเดียว 

พวกคนอื่นถึงถ่ายเห็น

นี่ก็เข้าประตูกำแพงไป

...........ลุกเดินหน่อยก็ดี มีหลายที่ยังไม่ได้ไปดู ห้องน้ำไง คนกรุงเทพมันรวยเนาะ เอารถบัสมาทำส้วมสำหรับ ขี้เยี่ยว ดูสวยงามดี แต่ที่เหมือนบ้านเราคือมันเหม็นมาก ก็เข้าใจนะบ้านเรามีแต่ขี้เยี่ยวพวกบ้านนอก เหม็นน้อย แต่นี่มันขี้เยี่ยวแบบสากล นานาชาติ เลยเหม็นหนักไปหน่อย ลงมาน้ำหนักลดไปนิดเดียว ยังเดินยากอยู่ พวก ดารามาแจกน้ำ ไม่รู้ชื่ออะไร ไม่ได้อ่านชื่อป้ายที่ห้อยคอ เพราะมัวแต่จ้องหน้าเขา เออเด็กสมัยนี้มันสวยน่ารักดี แถมมีน้ำใจมาช่วยแจกของชาวบ้าน ดี ๆ กว่าจะกลับมานั่งก็อิ่มน้ำอีกแล้ว บ่ายโมงแล้วนะ เต้น ค กำลังลุกยืน ใกล้แล้วอีก บรรทัดเดียว สาวน้อยนั่งใกล้ถามว่า เป็นแบบไหนตา อีกบรรทัดเดียว อ๋อหนูเป็นนักศึกษาเคยเรียน อักษรไทยมี วรรค ก วรรค จ....ไปจนถึงเศษวรรค บรรทัดแรกก็ วรรค ก มี ก ข ค ฆ ง (แทรก ขอขวด คอคน) บรรทัดที่2 ก็ วรรค จ มี จ ฉ ช ฌ ญ มีแทรก ซ เราอยู่เต้น ฉ ก็บรรทัดที่ 2 ไง แหมตาคิดได้ไง อีกตั้ง 3 เต้น นะ คิดแบบนั้นมันก็ยาวสิ แบบตานี่แหละ บรรทัดต่อไปก็ถึงแล้ว
............บ่ายสองโมงเจ้าหน้าบอกให้เตรียมตัว โหเตรียมพร้อมแต่เช้ามืดแล้ว ที่รออยู่นี่เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่พร้อมต่างหาก อมยิ้มกัทุกคนแอบกระซิบว่า จริงเนาะตาเราพร้อมเสมอ แต่พวกเขาไม่มาเรียกเราซะที เตรียมแล้ว ก็หายจ้อยไป เรานั่งนับพัดลมดีกว่า มันติดพัดลมยักษ์ไว้ที่เสาระดับศีรษะ มันจะเป่ากระหม่อมเราคงกลัวหัวร้อน ฉลาดนี่หัวมันใช้คิด ถ้าหัวเย็นมันก็คิดแบบเย็น ๆ หัวร้อนคงยุ่งเอาการ สลับเสาเว้นเสา ข้างละแปด เต้นละ 16 ก็ช่วยให้ไม่ร้อนนัก ที่เย็นดีมากคือสาวแจกผ้าเย็น น่าจะมาบ่อย ๆ ชอบนะพวกดารา นี่ สาวน้อยบอกไม่ใช่หรอก ตา พวกนักศึกษาน่ะ แหมหนูไม่รู้อะไร พวกที่เขามาแจกนั่นแจกนี่ เขาคือคนใจดี ใคร ๆก็ชื่นชมเพราะใจงดงาม มาก ใจเขาเป็นดาราได้สบาย ๆ ตาเรียกพวกดาราน่ะ ถูกต้อง หนูอยากเป็นไหมล่ะ ไปช่วยขาแจกซิ เห็นยิ้ม ๆ ไม่เอาหรอก แน่ะมันเป็นดาราไม่ง่ายนา ใจดี ใจกล้า ไม่อาย ได้บุญดีด้วย 



ข้างใน



รอคิวขึ้นไปเคารพ
............ถึงเวลาลุกยืนเดินตามแถวที่หนึ่งไป มีการแซงในแถวเพื่อหาญาติพี่น้องหาเพื่อน ไม่ว่ากัน ตาไม่ค่อยมีญาติเยอะมากับลูกสองคนเอง แถวเรียงสี่ แต่ดูมีแต่พวกไม่จบ ป..6 เพราะไม่รู้เรียงสี่ เกือบแปดคนเดินออกันไป หลายคนมองกลุ่มเกินสี่ มองทำไมเขาเดินแบบรวมญาติ เดินไปแถวยาวเป็นกิโล.. แรก ๆคุยกันเอะอะ พอใกล้ ประตูกำแพงวังเงียบ เข้าใจนะว่าเดินร่วมกิโลเมตรเหนื่อย ไม่อยากอ้าปากล่ะซิ เขาให้เดินตามช่องเก้าอี้ มีสี่ช่อง กลุ่มแปดคนก็ต้องยุบ เขาให้คล้องกระเป๋าที่แขน อย่าสะพายไม่สุภาพ ช่องตรวจอาวุธ ตาผ่าน เพราะมีมีดตัดเล็บอันเดียว นอกนั้นมีแต่ยาดม กับเหรียญในหลวงสิบกว่าเหรียญ เหรียญสิบบาททั้งนั้น เดินเข้าไปที่แคบ ๆ กำแพงมีภาพเขียนสี สวยงาม อ่านชื่อคนเขียนภาพ มันเขียนกันแต่ปี 2473 คนซ่อมปี 2515 เอ..นี่มันกำแพงวัดพระแก้วนี่นา เคยพา ลูก ๆมาเที่ยวหนสองคน คนใกล้กันเขายืนยันใช่กำแพงวัดพระแก้ว เขากั้นเชือกให้เดินเลาะกำแพงไป ห้าม แตกแถวระวังถูกจีนญี่ปุ่นกลืน เพราะมันถือกล้องส่ายไปมา หาที่คลิกถ่ายรูป นักท่องเที่ยวเยอะจริง ๆ หลุดเข้าไป ดูไม่ออกหรอกไทยหรือจีน เว้นแบบตาเพราะหล่อมากกว่า สังเกตง่าย
............ออกจากวัดพระแก้ว เดินเร็วขึ้น เพราะมีแต่พวกจะไปกราบพระบรมศพ มองเห็นยอดปราสาท ที่ดูในข่าวพระราชสำนักจนจำได้ จำยอดปราสาทได้ ดูที่ประตู แถวชุดดำรอขึ้นเต็ม ยาวเหมือนกัน ก็ค่อย ๆ ขยับไป เรื่อย ๆ เห็นทหารเวรยามแล้วสงสารเนาะ เราใส่ชุดดำบาง ๆ ขนาดนี้ยังร้อนเลย ทหารมันใส่เต็มยศแบบปกติขาว ด้วยนะ ปกติเขียวก็น่าจะพอน่ะ นี่เล่นแบบเสื้อกันหนาวยามอากาศร้อน อดทนหน่อยนะลูก ทหารยามพระราชา ดูต้นไม้ในวัง มันใบหงิกยังกะสาวดัดผม น่าสงสารคนใจร้ายรึเปล่า บังคับแม้กิ่งไม้ใบไม้ บางต้นทำเป็นรูปนกครุฑ ก็แปลก ๆ ต้นไม้ก็ต้องอยู่อย่างมีระเบียบวินัย ทางบ้านเราสบายจนเคยตัวอยากขึ้นตรงไหนแอบขึ้นจนรกรุงรัง ถึงบันไดทางขึ้น รับแจกถุงพลาสติกดำ ให้ใส่รองเท้า โถถุงในวังมันต้องใส่รองเท้าด้วย ลูกสาวบอกเขาให้ถอด เก็บรองเท้าใส่ถุงดำหิ้วไปด้วย ลงมาค่อยคืนถุงเขา อ้อเข้าใจ แต่เราหิ้วไม่ไหวมีย่ามคล้องแขนอยู่ เลยยัดถุงรองเท้าใส่ในย่ามสบายไป ปีนบันไดเห็นพวกข้าราชการชุดปกติขาวมารอรับเต็ม เปล่าเขามารอรับเสด็จช่วงสี่ โมงจะมีเจ้านายเสด็จ นี่บ่ายสามยี่สิบแล้ว ถ้าเราช้ากว่านี้เจอเจ้านายเสด็จแน่ เขาเตือนให้เข้าไปพร้อมกัน 


คนอื่นเขาถ่ายไว้ กราบแบบนี้แหละ
.........วางสิ่งของด้านขวามือ ก้มกราบครั้งเดียว สาธุ ข้าพระพุทธเจ้าเกิดมาปี 2487 ทันรัชกาลพระองค์ 2489 และได้อาศัยพระบารมีพระองค์แทบทุกวัน วันไหนไม่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์เป็นอยู่ไม่สุข ต้องหามาไว้ประจำ ไม่มีวันหลงลืมพระเดชพระคุณอันล้นเกล้าล้นกระหม่อม และอาศัยพระบารมีมาจนทุกวันนี้ ทำงานก็ทำราชการ ด้วยความตั้งใจซื่อสัตย์สุจริต เพื่อรับใช้สนองพระเดชพระคุณ ซาบซึ้งในบุญบารมีพระองค์ท่านเสมอ เมื่อเสด็จสู่สวรรคาลัย ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกเสียใจและเสียดายที่พระผู้เป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดินนี้ลับหายไป ได้แต่ตั้งจิต อธิษฐานขอให้พลังบุญกุศลที่เคยสั่งสมมาแม้จะน้อยนิด แต่ก็ขออุทิศเป็นทิพยยานรองบาทถวายพระทรงธรรม ได้ดำเนินไปยังสุคติและนิพพานเทอญ สาธุ
..........คนประมาณ 100 คนเข้ากราบพร้อมกันเป็นชุด ๆ สลับกันไป ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ก็เป็นอันเสร็จการ หลังจากนั้นก็ถอยออกไป เราหยุดยืนดูพระบรมโกฐ เหมือนรูปในข่าวจริง ๆ เจ้าหน้าที่แตะแขนบอก ตาไปได้แล้ว พอจะผ่านประตูออก พระสวดอย่างดังจนตกใจ แหมตะกี้ฟังเสียดนตรีย่ำยามเงียบ ๆ เศร้า ๆ ตกใจเสียงพระ รีบ ลงมา เจอตู้บริจาค ล้วงในย่ามได้เหรียญอะไรทำบุญเท่านั้นแหละ ควักออกมาอ้าวแบงค์ห้าร้อย มีรูปในหลวงยืนยัน หย่อนลงตู้เลย เดินมาคืนถุงยางสีดำ แล้วออกนอกกำแพงด้านหลัง ดูนาฬิกา 15.30 น. โหนี่เรามาอยู่สนามหลวง ลงแทกซี่หกโมงครึ่ง เก้าชั่วโมงนี่นานเหมือนกัน
.........กลับเถอะเราหมูน้อยขี้นสองแถว เขาบอกปลายทางโรงแรมรัตนโกสินทร์รับส่งฟรี ก็ไปกะเขา แต่เราจะ ขอลงปากทางถนนราชดำเนินใกล้ ๆ กองสลาก ไม่คิดจะไปเยี่ยมกองสลากหรอก ไม่ชอบ เพราะโดนหลอกมา นานแล้ว ลูกหลานโดนกินกันถ้วนหน้า แต่ตาไม่โดนหรอก เพราะไม่ได้ซื้อ จะต่อรถเมล์สายสิบสองไปอนุสาวรีย์ ลูกสาวถามพ่อรู้ได้ไง ไม่อยากจะโม้ตอนอยู่กรุงเทพมีรถคันหนึ่ง แต่มันเป็นจักรยานนะ เรียนอยู่ ม.เกษตรต้องใช้ มันเดินไกล เสาร์อาทิตย์ก็อาศัยรถเมล์ไปเดินตลาดนัดสนามหลวง สายสิบสองนี่สำหรับนั่งจากอนุสารีย์ไปหอพัก คุรุสภา หอพักนี้บริการดีราคาครู ไปพักบ่อยห้องแอร์สองเตียงราคาไม่ถึงพัน หรือไม่ก็เดินริมคลองผดุงกรุงเกษม บ่าย ๆพี่น้องร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์เต็ม ขายอาหารอีสาน ก้อยไข่มดแดงยังมีขายเลย ขึ้นรถสายสิบสอง มีแต่รถฟรี เราคนมีสตางค์อยากนั่งรถแอร์เย็น ๆ ไม่มาซักที ลูกสาวรำคาญ พาขึ้นรถฟรี สมน้ำหน้า ลงอนุสาวรีย์ ไม่มีกระเป๋า มาเก็บเงินเล้ย ขอบคุณเขาแล้วก็ลงมา
..........กระเป๋าน้ำร้อนแบบเสียบไฟฟ้า ลูกสาวแพ้อากาศให้หาไปไว้ หามาเป็นเดือนไม่ได้ซักทีเลยพาลงไปดู ร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ ลูกสาวงง พ่อรู้ได้ไง โถอีหนูพ่อพาแม่แกมารักษาโรคภุมิแพ้กับคุณหมอโรงพยาบาล พระมงกุฎ ติดต่อหมออยู่ 3 ปี แถวนี้เดินหากินก๋วยเตี๋ยวจนจำได้หมดแหละ เข้าไปในร้านสาว ๆยิ้มให้ เห็นไหม มันไม่รู้จักตาหรอก แต่รู้จักเงินเรา พอถามหาไปหยิบมาให้ดูเลย ใช่แล้วกระเป๋าแบบนี้แหละ เสียบไฟดูหน่อย สิบนาทีร้อนฉ่าเลยแสดงว่าไม่ชำรุด ถามราคาเขาบอก 199 บาท ตายละเราเคยซื้อ 275 บาท รึมันของปลอม ลูกสาวบอกมันถูกดีไม่ต้องถามเขาหรอก ได้กระเป๋าเลยขอนั่งแทกซี่ไปที่จอดรถ เสีย 55 บาทเอลง ตอนเช้ามา 160 มันไม่ทอนเลย ขึ้นรถแล้วก็กลับจตุโชติ สุขาภิบาล 5 แวะตลาดออเงิน ซื้อปลาเผา และแจ่วบอง ลาบเนื้อ ไปกินที่บ้าน กินแล้วจะกลับ แต่เปล่าสงสัยเหนื่อยมากเลยหลับไม่ได้กลับจนรุ่งเช้า
...........เสร็จภารกิจที่ตั้งใจมาเยี่ยมดูลูกสาวป่วย มันก็หายดีแล้ว พาเราไปกราบพระบรมศพได้ รายการแถมคือ ไปกราบพระบรมศพนั่นแหละ เพราะเห็นว่าว่างก็เลยอยากไป และก็ไปได้สำเร็จ แม้จะเสียเวลานิดหน่อยแค่เก้า ชั่วโมงเอง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น รอไหว้พระบรมศพรัชกาลที่ 9 ใช้เวลารอ เก้าชั่วโมง สาธุ ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น