วันเกิดของฉัน
...............ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา เขียนอวยพระวันเกิดเพื่อนพ้องน้องพี่ไปกว่า20 สำนวนจนแทบจะซ้ำความกันทีเดียว ดีที่บันทึกไว้ทุกสำนวน เฟสบุ๊คมันดีนะคอยเตือนว่าใครครบวาระวันเกิดบ้างเพื่อนหลายคนไม่เห็นเตือนวันเกิด ก็ไม่ได้เขียนคำอวยพรให้ ก็ขอโทษด้วย
...............ทีนี้ก็หันมานึกถึงตัวเองบ้างว่า จะฉลองวันเกิดแบบคนอื่นดีไหม คงไม่ไหวหรอกครับเพราะผมเกิดทุกวัน ใครคิดจะเขียนคำอวยพรคงต้องเขียนจนมือหงิก หรือไม่ก็เลิกเขียนกัน ไปเลย ก็อาจสงสัยว่ากระผมเกิดทุกวัน จริงรึเปล่า สัปดาห์หนึ่ง 7
วัน เกิดทุกวันเลยเหรอ เดือน 30 วัน ปี 365 วัน ด้วยรึเปล่า เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีความคิดบ้า ๆบอ ๆ แบบนี้หรอกครับ แต่ได้ฟังพระท่านเทศน์ให้ฟังเรื่องการเกิด ๆ ดับ ๆ ของสังขาร ถึงกับอึ้ง
............ท่านบอกสังขาร นามรูป ของเรามันแตกดับ ทุกลมหายใจ แค่เราภาวานา พุท...โธมันดับไปแล้ว ยังดีที่สันตติ ยังสืบต่อได้อยู่ เลยยังมีนามและรูปของเรา นั่งภาวนาต่อไปวันหนึ่ง ๆมันเกิดดับ ๆ ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง เคยเถียงนะครับว่าไม่เห็นมันจะเกิดดับตรงไหน นั่งสมาธิเบื่อก็มาขอดื่มน้ำชากับท่านอาจารย์นี่เอง ท่านเลยทดสอบให้ว่า จำได้ไหมสมัยเด็ก รูปร่างหน้าตาเธอเป็นอย่างไร แหมถามกล้วย ๆ บรรยายภาพตอนอยู่ ป. 4ให้ท่านฟัง แล้วท่านถามต่อว่าวันนี้ เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน ก็เรียนท่านไปว่าผมนั่งอยู่นี่ไงครับ อาจารย์ก็บอกว่าแน่ใจเหรอว่า คือคนนี้ เธอว่าเด็กคนนั้น ยังไม่รู้ภาษาอื่นนอกจากภาษาที่พูดคุยกับพ่อแม่ แต่เธอรู้ภาษาอังกฤษ รู้ภาษาบาลี ใช่คนเดียวกันจริงหรือชักงงเหมือนกัน เอาอีกข้อ เด็กคนนั้นยังไม่รู้จักอายใคร แก้ผ้าอาบน้ำในคลองได้ แต่เธอทำได้ไหมล่ะ เฮ้ย...อี้ง เอาอีก เธอมีลูกสามคนแต่เด็กคนนั้นมีลูกกี่คนล่ะ ?????ยอมแพ้แหละอาจารย์
..............ท่านเฉลยให้ฟังว่า ถึงรูปนามจะแตกดับไป แต่สันตติความสืบเนื่องจะผุดเกิดมาแทนที่ทันทีจนเราไม่รู้สึกถึงการแตกดับของนามรูป ทุกเช้าที่เราตื่นมาแสดลงว่าสันตติมันทำงานตามปกติ เมื่อใดมันทำงานไม่ได้ สันนติก็ขาด เราเรียกว่าตาย ......โห
อาจารย์พุทธศาสนามีสอนแบบนี้ด้วยเหรอ แบบนี้ผมก็เกิดทุกวันซิ ก็ใช่อีกนั่นแหละนี่คือที่มาของคำที่กระผมบอกว่าวันเกิดของกระผมคือทุกวัน วันไหนเกิดไม่ได้คือจบไม่มีนายขุนทอง อีกต่อไป เหลือแต่ชื่อหลวงพ่อบอกว่าที่เราฝึกอบรมวิปัสสนา ก็เพื่อ
ให้เกิดสมาธิ มีสติแข็งกล้า เกิดปัญญาเห็นรูปนาม ตอนนั้นแหละจะนำไปสู่การเห็นอาการแตกดับ ของนามรูป และเห็นสันตติที่สืบต่อรูปนามเอาไว้ ที่ภาษาพระเรียก เห็นไตรลักษณ์ สันตติที่เห็นรูปนามเกิดดับ ๆ จากวิปัสสนาท่านเรียกสันตติภายในเห็นได้
ด้วยวิปัสสนา
...............สาธุหลวงพ่อ ต่อไปนี้ผมไม่ต้องไปจำวันเกิดให้ยากแล้ว เพราะทุกวันคือวันเกิดขอให้ได้เกิดทุกวันต่อๆไปแล้วกัน แล้ววันเกิดแบบคนอื่น ๆเขาล่ะมีไหม ก็มีเหมือนกันแหละครับ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ พ่อบอกว่าหลังเกิดซัก 2 อาทิตย์จึงไปแจ้งลุงผู้ใหญ่ลุงบอกจะแจ้งอำเภอให้วันไปประชุม จดวันเดือนปีเกิดและชื่อใส่กระดาษให้อย่างดีแต่กว่าจะสิ้นเดือนถึงมีประชุมรับเงินเดือนกระดาษที่จดไว้ก็หายแล้ว ชื่อ สิงทองก็กลายเป็น ขุนทองวันเดือนปีก็คงจะเพี้ยนเหมือนกัน แต่ตอนเด็ก ๆ ไม่สนใจวันเดือนปีเกิดหรอก เลยไม่ได้ถามพ่อแม่ว่า เกิดจริง ๆ วันไหน ใช่วันปรากฏในใบเกิดไหม แม่บอกไม่ใช่ แกเกิด"วันลับลึน "มึนครับ จนวันนี้ผมยังไม่ทราบว่ามันคือวันอะไร ใครรู้จักบอกเอาบุญด้วย
ของรักษา หมอธรรม
----------------
..............เมื่อพ.ศ. 2494 หมู่บ้านของกระผมอยู่ชนบท ขึ้นอยู่กับอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ สมัยนั้น ยังพอมีป่าหลงเหลืออยู่บ้าง ถนนหนทางไม่สะดวก ชาวบ้านไปมาหาสู่กันโดยทางเกวียน จะไปอำเภอที่อยู่ ห่างแค่ 7 กิโลเมตรต้องเดินกันหลายชั่วโมง ชาวบ้านเป็นอยู่กันแบบพอเพียงจริง ๆ ทุกครอบครัวทำนา มีข้าว ใส่ยุ้งฉางไว้กินตลอดปี ใครมีนามากก็ต้องทำยุ้งฉางขนาดใหญ่ รั้วบ้านเป็นรั้วกินได้เพราะปลูกกะถิน ตำลึง ชะอม ที่ทุ่งนาจะมีบ่อปลาไว้ดักปลาที่ขึ้นมาหน้าน้ำจากลำน้ำชี เด็ก ๆถูกสอนให้รู้จักการจับปูปลา รู้จักหากบ หาเขียด ไม่มีตลาดสด การซื้อขายใช้วิธีแลกเปลี่ยน เช่นมีปลาไปแลกพริก แตง มะไฟไปแลกเกลือ ฟักแฟง แลกข้าวเปลือก ชาวบ้านอยู่กันมีความสุขตามสมควร ก็ขอเล่าย่อ ๆ พอให้ทราบว่าชีวิตชาวชนบทสมัยนั้นอยู่กันแบบง่าย ๆครับ
..............ของรักษา เป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับทุกครอบครัว เพราะของรักษาเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถปกปักรักษาทุกคนให้อยู่เย็นเป็นสุขยามปกติ ยามเจ็บป่วยก็ช่วยเยียวยาให้หายเจ็บป่วย ยามทุกข์ร้อน ก็ช่วยปัดเป่าให้บรรเทาหรือหายไป หัวหน้าครอบครัวจะเป็นสมาชิกหมอรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง ลูกหลานในครอบครัวก็เป็นสมาชิกตามโดยปริยาย เวลามีเขยมีสะใภ้ถ้าเป็นสมาชิกของรักษาประเภทเดียวกัน ก็อาจให้อยู่กับหมอรักษาคนเดิม ถ้าเป็นหมอรักษาคนละประเภทนิยมแนะนำให้
ลาออกมาเข้าหมอรักษาใหม่..............ของรักษาที่นิยมกันสมัยนั้นมี หมอเทวดา หมอธรรมและหมอผีฟ้า หมอแต่ละคนมักเป็นผู้สูง
อายุ ได้ รับการครอบครูมาจากหมอคนก่อน ๆ ต้องร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆ หลายคนชำนาญวิชาหมอดู ทุกหมอต้องมี วิชาอาคมขับภูติผีปีศาจ หลายคนเชี่ยวชาญการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เพราะฉะนั้นพ่อหมอแม่หมอจึงมักจะมี ความผูกพันกับบรรดาลูกศิษย์กันมาก เหมือนครูเหมือนญาติเวลาเจ็บไข้ ได้เจอหน้าพ่อหมอมาเยี่ยมพร้อม ย่ามยาสมุนไพรใบใหญ่ วัวควายหายพ่อหมอจับยามให้ ทะเลาะเบาะแว้งกันพ่อหมอทำหน้าที่ผู้ใกล่เกลี่ย
..............หมอเทวดาคุณพ่อกระผมครอบครูมาจากคุณปู่มีสมาชิกเป็นคนในตระกูลเดียวกันประมาณ10 ครอบครัว ที่บ้านพ่อทำหิ้งบูชาจำได้ว่าใช้ไม้ยอ 2 ท่อน วางพาดขื่อ ตรงกลางห้องทำเป็นที่วางเครื่องบูชาพวกดอกไม้ธูปเทียนและน้ำหอม พ่อมาทำพิธีบูชาทุกวันพระ นั่งสวดมนต์อยู่ราว30 นาที กระผมชอบมานั้งฟัง แต่จำไม่ได้ สวดเสร็จแกก็เอาน้ำหอมมาพรมศีรษะให้ประจำ เดือนเมษายนทุกปีจะมีพิธีเลี้ยงของรักษาสมาชิกบ้านใกล้มากันทุกคน บ้านไกลมีตัวแทนมา มีการเปลี่ยนดอกไม้บนหิ้ง แจกฝ้ายผูกคอ ผูกข้อมือ เป็นด้ายสีแดงสลับดำฟั้นเป็นเกลียว แจกให้คนละ 2 เส้น คนไม่มาก็ฝากไปให้ มีการนำข้าวปลาอาหารมารวมกัน เพื่อจัดเลี้ยงกันทั้งเช้ากลางวันและตอนเย็น การดูแลลูกศิษย์ก็จะดูแลกันตลอดปีไม่มีวันหยุด ขอเพียงทราบใครไม่สบาย ใครถูกผีทำร้าย ใครวัวควายหาย พ่อหมอจะไปเยี่ยมโดยไม่ต้องเชิญ สมาชิกจึงเคารพนับถือพ่อหมอกันมาก...............หมอธรรม ที่หมู่บ้านเรามีหมอธรรมหลายคน จุดเด่นของหมอธรรมคือเรียนวิชาอาคมค่อนข้างมาก เก่งในเรื่องปราบผี โดยเฉพาะผีปอบที่ดุ ๆ ต้องเรียกหาหมอธรรม พี่ชายกระผมศรัทธาหมอธรรมมาก เลยขออนุญาตพ่อไปเรียนเป็นหมอธรรม พ่อก็ไม่ขัดข้อง พี่ชายก็กลายเป็นหมอธรรมมาจนทุกวันนี้ ถามวิธีการของ หมอธรรมก็พบว่าคล้ายกันกับหมอเทวดา คือพ่อหมอต้องได้รับการครอบครูมาจากอาจารย์หมอธรรม ร่ำ เรียนวิชาอาคมจากอาจารย์ ปฏิบัติตนเคร่งครัดตามข้อกำหนดข้อคะลำ ดูแลครอบครัวและสมาชิก มีการชุมนุมกันปีละครั้ง เห็นเลือกกันเดือนเมษายนเหมือนกัน มีการรดน้ำมนต์แจกด้ายผูกข้อมือเช่นกัน..............หมอผีฟ้า เป็นหมอรักษาทำนองเดียวกับหมอเทวดาและหมอธรรม ที่หมู่บ้านเราไม่มีหมอผีฟ้า แต่มีสมาชิกหมอผีฟ้า 2-3 ครอบครัว ทราบว่าหมอผีฟาครอบครูมาจากหมอผีฟ้ารุ่นก่อน ๆ สิ่งที่เคารพนับถือก็คือ ผีฟ้า มีการสวดมนต์บูชาผีฟ้า ขออำนาจผีฟ้าปกปักรักษาและคุ้มครอง เคยไปดูเวลาหมอผีฟ้ารักษาคนป่วย หมอให้แต่งเครื่องบูชาเป็นใบศรีและพานดอกไม้ พานธูปเทียน การรักษาจะใช้วิธีขับลำมีดนตรีคือเสียงแคนประกอบการขับร้องและฟ้อนรำ คนป่วยก็นนอนอยู่ตรงกลาง หมอผีฟ้าเป็นผู้หญิงร้องรำและฟ้อนนำหน้า สมาชิก 3-4 คน ร่ายรำวนรอบ ๆคนป่วย ทำพิธีกันวันละ 3 รอบเช้ากลางวันและเย็น มีหยูกยาให้กินด้วย รดน้ำมนต์ด้วย หลายวันเหมือนกันคนป่วยก็หายเป็นปกติ.................หมอรักษาทั้ง 3 แบบที่เล่ามาเป็นเพียงเล่าตามที่เห็น เสียดายไม่มีรายละเอียดเพราะตอนนี้กระผม หันมานับถือพุทธศาสนาแล้วที่พึ่งของกระผมคือ พระรัตนตรัย เลยไม่ได้สนใจหารายละเอียดของหมอรักษา มากไปกว่านี้ ขอฝากท่านที่มีข้อมูลของรักษานำมาเล่าสูกันฟังบ้าง จะเป็นพระคุณมากครับ
คำปรารภ
..........สวัสดีครับ ผมอยากลองใช้บริการเวบบล๊อกนำเสนอความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับคติชีวิต
ของชาวบ้านอีสาน เพราะอยู่อีสานมาหลายสิบปี ได้พบเห็นการดำเนินชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิม แรก ๆ ก็ไม่ได้สนใจหรอกแต่ผ่านไปนานเข้าก็เข้าใจ ทำให้ทราบเหตุและผลที่ชาวบ้าน เขาดำเนินชีวิตแบบนั้น ๆถ้าได้นำมาศึกษาวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนแล้ว จะช่วยให้เราเข้าใจขนบประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆของชาวบ้านได้ดียิ่งขึ้น
................เนื้อหาที่นำเสนอ ตั้งใจจะนำเรื่องการดำรงชีพ ลัทธิการนับถือ และศาสนา ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมากแต่ก็จะพยายามนำเสนอเท่าที่จะทำได้ หวังว่าวิ่งที่นำเสนอน่าจะให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์แก่ท่านที่ได้อ่านบ้าง หากท่านที่ผ่านมาอ่านมีข้อเสนอแนะใดๆก็ยินดีมากครับ
ขุนทอง ศรีประจง
19 กรกฎาคม 2552
ฝึกสร้างบลอกครั้งแรกครับ แล้วก็ลืมทิ้งไป นึกว่าเขาลบทิ้งแล้ว ปรากฏว่ายังอยู่ เข้ามาเห็นเมื่อ 5 กรกฏาคม 2559