วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

บวชหาบุญ

                                        
                                                              
ถ่ายที่สวนนงนุช พัทยา

...........คนทั่วไปเชื่อว่า ทำบุญบวช ได้บุญมากกว่าทำบุญอย่างอื่น ๆ ก็เป็นความเห็น ที่กระผมเองไม่แน่ใจว่า ความคาดหวัง กับเรื่องที่แท้จริงแล้วได้บุญมากขนาดไหน เคย บวช 7 พรรษาครับ สอบได้ นักธรรมเอก เปรียญ สี่ประโยค เป็นเลขาเจ้าคณะอำเภอ อยู่ 4 ปี ค่อยลาสิกขาบท เพราะสอบเทียบได้วิชาชุด พ.ม. สอบบรรจุเป็นครูได้ ก็จบ ชีวิตนักบวชไว้แค่นั้น
...........บวชแล้วได้บุญมากจริงหรือ ความจริงก็คือ มีช่องทางทำบุญ 3 ช่องทางเท่ากันกับชาวบ้าน คือ ทานมัย สีลมัย และภาวนามัย ไม่มีพิเศษกว่าชาวบ้าน ทำน้อยได้บุญน้อย ทำมาก ก็ได้บุญมาก ไม่ได้ทำก็ไม่มีบุญให้ 
ดังนั้นคนที่คาดหวังว่าบวชได้บุญมาก....พึงรู้ความจริงนะครับว่า ถึงจะ บวชเป็นพระ ทำบุญถึงจะได้บุญนะครับ ไม่ทำก็ไม่ได้ ที่สำคัญการบวชจะดำรงชีพใน แต่ละวันต้องอาศัยชาวบ้านครับ ปัจจัยสี่ทุกอย่างมาจากชาวบ้าน อ้อขอ บอกญาติพี่น้อง พระ คือคนอื่นนะครับ ไม่ใช่พวกพระ เขาเอาสิ่งของมาถวายก็ต้องชดใช้เขาด้วยบุญ ระวังจะไม่มีบุญพอชดใช้เขา ติดลบ ไม่ค่อยดีนะครับ 
...........การบริโภคปัจจัยสี่ของผู้บวช อาศัยชาวบ้านครับ เขาให้อะไรมาต้องแลกด้วยบุญ ถ้าสะสมบุญไว้มากก็เบาใจหน่อย พระทำบุญอะไรบ้างล่ะ ก็ทำทานมัย ทำสีลมัย และทำภาวนามัยครับ เหมือนชาวบ้านเลย คนบวชใหม่ล่ะ นี่แหละสำคัญมาก เพราะยังไม่รู้ช่องทาง ทำบุญ ทำท่าจะติดหนี้ชาวบ้านได้ง่าย ๆ
...........ก่อนบวชเขามีการเข้านาค 7 วัน เพื่อศึกษาวิถีชีวิตการบวช ต้องสวดมนต์ไหว้พระ ต้องเรียนรู้การปฏิบัติศีล 227 ข้อ ต้องทำกิจวัตรต่าง ๆ 7 วัน ลองศึกษาดู น่าจะพอเข้าใจ พอบวช เสร็จจะได้รีบจัดการเรื่องสะสมบุญได้เลยไม่เสียเวลา
...........ทานมัย บวชแล้วสิ่งของที่จะทำทานมัย คงไม่มีมากมายเหมือนก่อน แต่ธรรมทาน ให้สิ่งที่เป็นนามธรรม ทำได้ง่าย เพราะชาวบ้านเคารพศรัทธาพระอยู่แล้ว เดินบิณฑบาต ทำให้ชาวบ้านเลื่อมใส ใคร่ทำบุญทำทาน พระก็ได้บุญมากนะครับ เป็นการทำให้คนมี น้ำใจใฝ่ทำบุญทำทาน คนโบราณเรียกบิณฑบาตรว่าไปโปรดสัตว์ คือการช่วยให้คนฝักใฝ่ ในทางบุญกุศล ได้บุญครับ ส่วนธรรมทาน ให้หลักธรรมจริง ๆ ต้องมีความรู้ก่อนถึงจะธรรมเทศนาได้  
ทีนี้เรื่องศีล 227 ข้อ ศึกษาให้จบในสัปดาห์แรกเลยจะยอดเยี่ยมมาก เพราะจะได้ ระมัดระวังมิให้ศีลขาด รักษาศีลเป็นแหล่งบุญสำคัญของพระ รักษาได้ 227 ข้อ ก็สุดยอด บุญก็ 45 เท่าของชาวบ้านถือศีล 5 ถ้าพระระวังศีลได้ไม่ขาด 1 วัน ก็เท่าชาวบ้านจำศีล 45 วัน นั่นแหละปริมาณบุญที่ควรจะได้จากศีล..... ถ้าบวชใหม่ไม่รู้จักศีลสักข้อล่ะ ศีลจะรักษาได้ไหม ก็ไม่ได้อะไรเลยเพราะไม่รู้จัก อย่าคิดว่าบวชแล้วจะได้บุญจากศีลเลย ต้องรักษาและปฏิบัติ ก่อนถึงจะได้บุญ
...........ภาวนามัย การฝึกอบรมได้บุญราคาแพง เพราะภาวนามัย เกิดบุญคือสติปัญญา ยิ่งเกิดฌานสมาบัติยิ่งบุญมาก ถ้าเกิดสติปัญญาธรรมดา เช่นวิชาความรู้เรื่องธรรมมะ เรื่องศาสนา การศึกษาของพระ ก็ยังมีค่า
มีบุญมาก กว่าทานมัย สีลมัย
...........มีแค่นี้แหละช่องทางทำบุญของพระ ปฏิบัติดี ๆ ได้บุญมากมาย มากพอจะชดใช้ ปัจจัยสี่ที่ชาวบ้านนำมาถวาย รับรองไม่ติดหนี้แน่นอน แต่ถ้าบวชแล้วไม่รู้สึกตัว มัวนึก เอาเองว่าเป็นพระมีบุญมาก แบบนี้ยุ่งแน่ เพราะไม่เห็นช่องจะได้บุญจากไหน ผมเขียน เรื่องนี้เพราะลูกหลานกำลังจะบวช ได้รับ
การ์ดแล้ว ออกพรรษาจะบวช 15 วัน ก็เลย เขียนส่งไปให้อ่าน วันนี้คงได้อ่านแล้ว เพราะโพสบอกที่
เฟซบุ้คแล้ว หวังว่าคงจะทำแบบ คนสมัยก่อนทำกัน คือไปหาเจ้าอาวาส ขอบวชนาคสัก 7 วัน ท่องบททำวัตรสวดมนต์ ท่องบทขานนาค ท่องศีล 227 ข้อ ท่องบทให่ศีล บทให้พร 7 วันน่าจะจบ จะบวชก็คง 
ไม่ ยุ่งยากอะไร ทำได้สบาย ๆ
...........มีเรื่องที่คนบวชพระไม่ควรทำไหม อ๋อมีมากครับ ท่านถึงให้ถือศีล 227 ข้อ แต่ละข้อก็คือสิ่งที่พระไม่ควรทำอยากรู้เรื่องอะไรบ้าง เปิดศีลพระดู แต่ในหัวข้อนี้ขอพูดถึงเรื่องที่เห็นพระชอบทำกัน แต่มันผิดวินัยพระครับ เช่นชอบพยากรณ์ คงอยากบรรยายธรรมมั้ง เห็นบอกว่าต้องละโลกธรรม ละได้แล้วก็ไม่ต้องเกิดอีกเข้านิพพานเลย... เห็นสาวิกาสาธุสลอนเลยแหละ เห็นแล้วขำไม่ออก หลวงพ่อคงไม่รู้ว่าโลกธรรม แปดประการ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องละเลิกเพื่อบรรลุอรหันต์ กามตัณหา ภวตัณหาและวิภวตัณหา ต่างหากที่ต้องตัดให้ขาดแล้วจะบรรลุอริยสัจสี่ได้ วิธีการต้องมาทางอริยมรรคแปดครับ... วันหนึ่งก็เห็นสอนปัจจยาการ ให้ตัดอวิชชาเสีย จะได้ไม่ต้อง มีชาติ และจะหมดทุกข์ได้ แล้วก็สอนให้โยมตัดอวิชชาซะ หลวงพ่อขอรับ..... คนฉลาดระดับเจ้าชายสิทธัตถะ ใช้เวลา 6 ปี เชียวนะถึงตัดอวิชชาได้ โยมคงไม่มีปัญญาทำได้ง่าย ๆ หรอก อ้อ....การสอนเรื่องทำบุญแล้วให้รอรับผลบุญในชาติหน้า ก็เหมือนกัน น่าจะเลิกแล้วนะครับ เพราะมันช้าไป การทำบุญควรรับ ผลบุญชาตินี้แหละ  ยกไปย่อหน้าถัดไปแล้วกัน
...........ทำบุญได้บุญครับไม่มีใครเถียง แต่ทำบุญจะไปรับผลชาติหน้า ชาติไหนล่ะครับ ผลบุญที่ว่า มันเป็นตัวแบบไหน...ตอบไม่ได้หรอก อย่าไปถามเชียวเพราะไม่เคยคิด ทานมัย บุญคือความโลภเบาบางลง สีลมัย บุญคือกายวาจาสงบเรียบร้อย ภาวนามัยบุญคือ ความรอบรู้ ฉลาด มีสติปัญญา  ถามหน่อยบุญสามชนิดนี้ มันเกิดทันทีที่ทำใช่ไหม ทานเสร็จโลภก็ลดลง  ปฏิบัติศีล กายวาจาก็เรียบร้อยงดงามดี ภาวนา อบรมเสร็จก็ฉลาดรอบรู้  ให้ไปรอบรับผลชาติหน้าก็โกหกสิ  มันต้องรับทันที่ที่ทำนี่แหละ เหมือนฟังเทศน์นี่คือ ภาวนามัยก็คือการอบรมครับ ผลคือได้เรียนรู้ ฉลาด เกิดทันทีเมื่อได้ฟัง แต่ไม่เกิดเพราะ
ไม่ตั้งใจฟัง ไม่เกิดก็สูญเปล่าไม่ได้บุญ อย่าว่าจะไปรอรับผลชาติหน้าเลย หรือจะเอาให้ชัด ส่งลูกหลานไปเรียนก็ภาวนามัยนั่นแหละ หกปีน่าจะจบ ม.6 นะ รับผลทันทีที่เรียนจบ ถ้าลูกบอกให้ไปรอรับผลชาติหน้าเอาไหม มะเหงกแจกแน่ยอมไม่ได้ ขอหยุดไว้แค่นี้ก่อนนะครับ จะไปวัดร่วมงานบวชนาคนั่นแหละ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น