วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ฟังสวดพระปาฏิโมกข์

   


……… พระปาฏิโมกข์ที่พระภิกษุประชุมกันที่พระอุโบสถ ฟังสวดกันทุกวันพระใหญ่ เล่ากันว่ามีความขลัง และศักดิสิทธิ์มาก  กระผมได้รับการบอกเล่าถึงเรื่องราวความขลังมากมาย จากผู้เฒ่าในหมู่บ้าน เดิมท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดที่กระผมบวชอยู่นั่นแหละ จึงแวะมาเยี่ยมพระเณรบ่อยและมีเรื่องเล่าให้ฟังมากมาย แกเล่าถึงเรื่องภิกขุปาฏิโมกข์ คุณตาแกบอกว่า..... ใครจะท่องต้องแต่งเครื่องบูชา มีบายศรีปากชาม ข้าวตอก ดอกไม้ แบบจะทำบายศรีนั่นแหละ แล้วก็มีธูปเทียนดอกไม้แต่งเป็นขันห้าขันแปด ไข่ต้ม 1 ฟอง เหล้าขาว 1 ขวด ฯลฯ
......แกพูดเรื่องนี้ช้าไป เพราะกระผมท่องจบไปแล้ว ก็เลยรับฟังเฉย ๆ ไม่ได้ทำพิธียกครูหรือทำพิธีอะไร และได้สวดภิกขุปาฏิโมกข์ในเวลาต่อมา จากพรรษาที่ 2 จนพรรษาที่ 7 จึงลาสิกขาบท ไม่มีคนแย่งสวดหรอก หาทำยายาก เพราะกระผมเคยสวดปาฏิโมกข์ นั่นแหละเลยรู้จักว่า การสวดเป็นเพียงการสวดบทพระวินัยพระภิกษุ คือศีล 227 ข้อ นั่นเอง การสวดทุกวันพระใหญ่ก็เพื่อให้พระที่เข้าประชุมได้ทบทวนศีล 227 ข้อ เลยมีการประชุมพระภิกษุ ในพื้นที่นั้น ต้องมาประชุมเพื่อฟัง สวดทุกวันพระใหญ่.... การสวดไม่ได้สวดเพื่อเอาบุญนะ แต่สวดเพื่อทบทวนศีล พระที่ฟังก็ฟังตามไป จบแต่ละบทบัญญัติก็จะถามเป็นช่วง ๆ ไป ว่ามีใครต้องอาบัติหมวดนี้สิกขาบทใดบ้างใหม ไม่มี ก็สวดต่อไปจนจบ....ความขลังความศักดิืสิทธิ์อย่างที่คนเขาเชื่อ ไม่เคยเห็นนะ แต่คนเชื่อเขาเชื่อจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่ว่ากัน
....... ช่วงเข้าพรรษา ผมทบทวนปาฏิโมกข์ทุกวัน เพื่อจะได้สวดคล่องไม่ติดขัด  มีโยมเอาเครื่องรางของขลังมาฝากใส่ในบาตรว่าง ในห้องนอนมีเก็บหลายลูก พวกสึกไปทิ้งไว้ เก็บไว้ไม่ได้ใช้งาน  เอาใส่ของพวกพระเครื่องรางต่าง ๆ วางหน้าแท่นกราบพระพุทธรูปชาวบ้าน เขาขอฝากด้วย เพราะรู้ว่ากระผมสวดทบทวนปาฏิโมกข์ทุกวัน  แบบทำวัตรพระในห้องนอนเสร็จก็สวดปาฏิโมกข์ ทบทวนบ่อย ๆ คนเขาทราบก็นำวัตถุมงคลมาฝาก เต็มบาตรเลยแหละ ก็ขำ ๆนะ เราสวดปาฏิโมกข์ทบทวนทุกวัน เวลาสวดจริงจะได้ไม่ผิดพลาดต้องหยุดบ่อย ๆ จะไปทำให้พระเครื่องขลังได้ตรงไหน ก็ไม่ขัดใจเขาหรอก ฝากก็ฝาก ของ ใครจำเอาเองแล้วกัน ออกพรรษาก็มาขอรับกลับไป
.......เรื่องการบวช...ผมบวชปี 2510 เข้าพรรษา กะออกพรรษาก็สึก ที่วัดหมู่บ้านแหละครับมีพระหลวงปู่รูปเดียวอายุ 103 ปีแล้ว   ทำกิจวัตรไม่ไหวสุขภาพไม่ดีด้วย พอมีพระบวชใหม่เข้ามา ท่านก็มอบหมายให้ดูแลกันเอง มีโยมที่เคยเป็น เจ้าอาวาสแวะมาสนทนาทุกเย็น แนะนำให้รู้จักกิจของพระ และบอกเล่าเรื่องท่องปาฏิโมกข์ให้ฟังด้วย ...ก็ยินดีรับฟัง  บังเอิญผมเป็นคนชอบ ศึกษาเล่าเรียน   ต่อมาได้รื้อหนังสือในตู้มาอ่าน ได้ความรู้มากมาย ขนาดออกพรรษา ไปสอบนักธรรมตรีสอบได้ ทั้งที่ไม่มีครูสอน... บ้าอ่านขนาดนั้นแหละ มีเล่มหนึ่งชื่อภิกขุปาฏิโมกข์ เป็นศีล  227 ข้อ ที่พระต้องสวดและเข้าฟังทุกวันพระใหญ่ ก็เลยท่องเล่น ๆแต่ก็ท่องได้จบทั้งเล่มแหละ ไม่ได้ไป สวดให้ใครฟังหรอก แค่ท่องจำเฉย ๆ สนุกท่องน่ะ วันพระก็ท่องทบทวน ถือเป็นการทบทวนศีล 227 ข้อไปในตัว เพราะกำลังอยาก เรียนนักธรรมตรี มีหลักสูตรวิชาวินัยต้องสอบด้วย จนพรรษาที่ 2 พระอาจารย์ ที่เป็นพระอนุสาวนาจารย์ทราบว่ากระผมสวดพระปาฏิโมกข์ได้ ก็เรียกไปพูดคุย และทดสอบ     ดูว่าสวดได้จริงไหม ผมใช้เวลาสวด 40 นาที จบ ท่านชอบใจ เลยให้เตรียมตัวไว้ช่วยท่าน เพราะท่าน สวดมานาน อยากพักบ้าง 
.....สวดปาฏิโมกข์พระภิกษุทุกรูปต้องเข้าร่วมประชุมฟังสวดทุกวันพระใหญ่ จะมีการประชุมในเขตสีมาที่กำหนด
เป็นที่ประชุม (อุโบสถ)จะเป็นสีมาชั่วคราวหรือสีมาถาวรก็ได้ ถ้ามีภิกษุเข้าประชุมไม่ครบ การประชุมก็ทำไม่ได้ ขืนทำไปก็เป็น สังฆกรรมวิบัติ ถ้าจำเป็นเช่น เจ็บป่วย ก็ต้องแจ้งคณะสงฆ์ยินยอมให้มีการประชุม เรียกว่าการให้ฉันทะและการให้ ปาริสุทธิ์ มอบให้พระภิกษุรูปอื่นนำไปแจ้งคณะสงฆ์ เช่นภิกษุเจ็บป่วยเข้าร่วม ประชุมฟังสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ พระรูปหนึ่งก็ไปรับฉันทะและปาริสุทธิ์พระป่วย ไปแจ้งที่ประชุมทราบ พระผู้ป่วยพึงกล่าวมอบปาริสุทธิ ว่า
..........“ปาริสุทธิง ทัมมิ, ปาริสุทธิง เม หะระ, ปาริสุทธิง เม อาโรเจหิ.” กระผมขอมอบปาริสุทธิแก่ท่าน ขอทานนำปาริสทธิข้าพเจ้าไป และขอได้ แจ้งแก่คณะสงฆฺทราบด้วย ความหมายก็ประมาณนี้ จากนั้นก็มอบฉันทะ พร้อมด้วยเลย ด้วยคำว่า
..........“ฉันทัง ทัมมิ, ฉันทัง เม หะระ, ฉันทัง เม อาโรเจหิ.” “ข้าพเจ้ามอบฉันทะ ขอท่านจงนำฉันทะของข้าพเจ้าไป ขอท่านจงบอก ฉันทะของข้าพเจ้า.”
“สุขุมาโล ภันเต ภิกขุ คิลาโน มัยหัง ฉันทัญจะ ปาริสุทธิญ จะ อะทาสิ, ตัสสะ ฉันโท จะ ปาริสุทธิ จะ มะยา อาหะตา, สาธุ ภันเต สังโฆ ธาเรตุ.” “ท่านเจ้าข้า สุขุมาโลภิกษุ อาพาธ ได้มอบฉันทะและปาริสุทธแก่ผม และ ผมนำฉันทะและปาริสุทธิ ของเธอมาแล้ว ขอสงฆ์จงทราบ.”
......บุพพกรณ์บุพพกิจ มีงานที่ควรทำก่อนประชุม และกิจสำคัญที่ต้องทำ เวลาสวดจะมีการสอบถาม จึงควรทราบและกระทำให้เรียบร้อยมี 9 เรื่องคือ ปัดกวาดสถานที่ประชุม จุดประทีปโคมไฟ ตั้งอาสนะ ตั้ง น้ำดื่มน้ำใช้ นำฉันทะ แจ้งที่ประชุม นำปาริสุทธิแจ้งที่ประชุม บอกฤดูกาลนับจำนวนภิกษุและสอน      ภิกษุนี 

..........(.การนับจำนวนภิกษุคือตรวจนับผู้ควรเข้าร่วมประชุม ไม่ใช่ผู้มีสีลวิบัติ หรือผู้กำลังถูกลงโทษยกวัตร ทั้งหมดอยู่ในหัตถบาส ) เมื่อทุกกิจเรียบร้อยแล้ว ก็แจ้งคณะสงฆ์อนุญาตให้มีการสวดปาฏิโมกข์
...........เมื่อที่ประชุมพร้อม ก็จะเริ่มสวดเป็นคำบาลี มีสวดสอบถามความพร้อม ของบุพพกรณ์บุพพกิจเป็นคำบาลี ผู้เข้าประชุมก็จะแจ้งให้ทราบจบแล้วก็เข้าสู การสวดบทนำ แจ้งวิธีการฟังพระปาฏิโมกข์ แล้วก็เริ่มสวดปาราชิก 4จนจบก็สอบ ถามถึงปาริสุทธิของผู้เข้าประชุม ถ้าไม่มีปัญหาก็ผ่านไปสวดสังฆาทิเสส 13 ข้อต่อไป จบสังฆาทิเสส ก็สอบถามปาริสุทธิเช่นกัน สวดบอกวิธีออกอาบัติ โดยย่อให้ทราบด้วย ถ้าไม่มีภิกษุต้องอาบัติ ทักท้วง ก็ผ่านไปสวดหัวข้อ ต่อไปจนจบ 227 ข้อ
...........ช่วงที่สวดจะมีการสอบทานผู้สวดด้วยว่าสวดถูกอักขระพยัญชนะหรือ ไม่ สวดผิดให้หยุดย้อนไปสวดใหม่ จึงต้องมีผู้สอบทานไปด้วยขณะสวด มีคน ถามว่าฟังปาฏิโมกข์ได้บุญมากใช่ไหม อันนี้ต้องถามว่าแล้วฟังเพื่ออะไร ถ้าฟังเพื่อจะเอาบุญ ก็ไม่น่าจะได้ เพราะไม่มีกิจกรรมไหนทำให้เกิดบุญ แต่ ที่พระประชุมสวดปาฏิโมกข์ ก็เพื่อให้พระทบทวนศีล 227 ข้อกัน ศีลมากข้อ ต้องหยุดทบทวนกันทุก 15 วัน การทบทวนต้องรู้จักศีลทุกข้อ ฟังสวดไป นึกทบทวนตัวเองได้ละเมิดศีลข้อไหนบ้าง ศีลที่แสดงอาบัติแล้วหลุดไป ไม่ ค่อยมีปัญหา เพราะกำหนดให้แสดงอาบัติก่อนเริ่มประชุมแล้ว แต่ปาราชิก สังฆาทิเสส อนิยต นิสสัคคียปาจิตตีย์ แสดงอาบัติไม่หลุด เพราะมีวิธีออก อาบัติเฉพาะ ส่วนปาราชิกนั้นล่วงแล้วไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม การสวดปาฏิโมกข์มีจุดประสงค์ดังกล่าวแล้ว คือฟังสวดไป จบตอนท่านจะหยุดถาม เป็นช่วง ๆไป .....แล้วอย่างนี้จะไป เรียกหาบุญจากตรงไหน คนจะได้บุญน่าจะเป็นผู้สวดมากกว่า
.......มีคนรุ่นใหม่เขาถามว่า อ่านหนังสือแทนได้ไหม เพราะ หาคนท่องจำได้ยาก ไม่ค่อยจะมี เขามีบันทึกเทปด้วยนา คลิพวีดิโอก็มี  ฟังจาก เทป จากวีดิโอจะใช้แทนสวดได้ไหม.... เรื่องนี้คงตอบไม่ได้ ให้คณะสงฆ์ท่านตอบเอง จะเหมาะกว่า ส่วนตัวแล้วเห็นว่าไม่เหมาะ ใช้แทนการ  สวดไม่ได้... ยกตัวอย่าง วัดมีพระบวชใหม่ สวดอภิธรรมไม่ได้ มีงานศพ โยมมานิมนต์ไปสวดอภิธรรม 7 คัมภีร์นั่นแหละ  พระจะขอเปิดเทปแทน โยมโอเคไหม หรือพระบวชใหม่บอกว่า..อาตมา บวชใหม่ให้พรไม่ได้ อ่านบทยถาสัพพีจากหนังสือ อวยพรให้พอใหม ทุกคนตอบได้อยู่แล้ว ทางที่ดีรีบท่อง บ่นเถอะครับ เดือนเดียวก็สวดได้ อย่างช้าก็ 3 เดือน ได้แน่นอน 

...........หมายเหตุ เรื่องปาฏิโมกข์ มีรายละเอียดในหนังสือภิกขุปาฎิโมกข์ หามาอ่าน ศึกษารายละเอียดได้ ถ้ายังไม่พอหาหนังสือวินัยมุขเพื่อดูวิธี การทำสังฆกรรมต่าง ๆ จะช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น กระผมเขียนถึงเรื่องนี้ ไม่ได้ มีเจตนาจะสอนสังฆราชหรอก บังเอิญมีญาติพี่น้องท่านบวชใหม่ก็สนทนากัน ถึงกิจที่พระท่านต้องทำ เท่านั้นเอง ก็บันทึกเอาไว้ เผื่อมีคนถามอีกจะได้ตอบ เหมือน ๆเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น