วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ไปจำศีลกันไหม






ทำไมไม่ไปจำศีลล่ะ
........สมัยเด็กไปส่งแม่ไปจำศีลที่วัดประจำทุกเช้าวันพระ ช่วยหิ้วกระเช้าหมาก หอบเสื่อ ช่วยกันกับพวกพี่ ๆ เดินตามหลังไป ถึงศาลาการเปรียญเก็บของแล้วก็กลับ เพราะ ต้องไปเรียน ที่ไปส่งใช่ว่าอยากไปนะ แต่อยากรู้ทำไมต้องไปนอนศาลาวัด ยุงชุม จะตาย สมัยนั้น(2494) มุ้งมีที่ไหน ที่บ้านยังไม่พอใช้เลย เพราะต้องทอผ้ามุ้งเอง ด้วยฝ้าย ที่ปั่นเป็นเส้นจากดอกฝ้าย กว่าจะได้ทอผ้ามุ้ง ก็ต้องเหลือจากทอผ้าสำหรับทำผ้า นุ่งผ้าห่มก่อน ปีไหนปลูกฝ้ายมันดกได้ฝ้ายเยอะก็ดีไป โอกาสทอผ้าทำมุ้งก็มีมาก 

........ขอเล่าถึงการทอผ้าใช้ในครอบครัวหน่อย เพราะสมัยนี้คงไม่รู้จักแล้ว ผ้าที่ทอ กันมีผ้าฝ้าย กับผ้าไหม ฝ้ายได้จากการทำไร่ฝ้าย หลังจากมันโตเต็มที่ผลมันจะแตก เห็นปุยฝ้ายสีขาวเต็มไร่ ก็ไปเก็บเอามาตากให้แห้งเก็บไว้ ใช้ปั่นเป็นเส้นฝ้ายต่อไป การปั่นฝ้าย แม่แลพวกพี่สาวจะทำกัน หลังทานข้าวเย็น พ่อจะทำหลาหรือไนสำหรับ ปั่นเส้นฝ้าย ของใครของมัน ทำด้วยโครงไม้เป็นแกนหลักยาวซัก 80 ซ.ม. ซ้ายมือ เรียกส่วนหัว มีหลักสำหรับผูกเหล็กใน ขวามือมีหลักปักกรงวงกลมของใน คล้ายกรงระหัสวิดน้ำ มีสายไนโยงไปคล้องเหล็กไน แกนกรงมีลวดเหล็กยาวต่อมาเป็นมือจับสำหรับหมุน ให้แกนหมุน เชื่อกโยงจะไปหมุนเหล็กไนให้หมุนเร็วมาก จนสามาถแหย่ปุยฝ้ายให้ติด ปลายเหล็กและค่อย ดึงออกมาเป็นเส้นฝ้าย งานนี้แม่จะสอนให้ลูกสาวทุกคนปั่น เส้นฝ้ายให้เป็นทุกคน เส้นฝ้ายที่ได้นี่แหละเอาไปใช้ทอผ้านุ่ง ผ้าห่ม ในครอบครัว 
ไนปั่นเส้นฝ้ายจากปุยดอกฝ้าย  Cr.กูเกิล]


.......การทอผ้าไหม แม่จะเป็นผู้อำนวยการเลี้ยงไหม อุปกรณ์ กระดุ้ง กระจ่อ เครื่องรีดเส้นไหม ที่เรียกหมากพวงสาว แค่นี้สั่งพ่อทำให้ สวนหม่อนก็ต้องปลูกเอง ไข่ไหมต้องไปขอจากญาติพี่น้อง หรือไปซื้อที่เขามีขาย เห็นเขาจับตัวบี้(ผีเสื้อใหม) ที่มันจับคู่กัน เอามาวางบนผ้าขาดฉีกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมกว้างซักคืบ แล้วเอาขันหรือถ้วย ครอบเอาไว้ให้มันผสมพันธุ์และวางไข่ เลยได้ไข่ไหมเต็มแผ่นผ้า วางไข่เสร็จไม่นาน
มันก็จะตายไปตามธรมชาติ ต่อมาที่มุมบ้านแม่จะกันพื้นที่วางกรงไม้เป็นชั้นสำหรับวางกระด้งเลี้ยงไหมได้สัก 12-18 ใบ  ด้งแต่ละใบเลี้ยงไหมจากไข่ 1 แผ่น อาหารเลี้ยงไหมก็ใช้ใบหม่อน ฟักเป็นตัวก็วาง ในกระด้ง เอาผ้าคลุมไว้กันแมลงวัน เริ่มนับวัยเป็น นอน 1 นอน 2 ไปจนถึงนอน 4 โตเต็มที่เริ่มมีสีสุก พร้อมจะฟักตัว วัยนอน 5 สุกเต็มกระด้ง เก็บไปวางบนกระจ่อได้ มันจะชักใยจนเป็นฝักหลอก อ้อเขาเรียกฝักไหม ข้างในมันจะจะฟักตัวกลายเป็นดักแด้ และมีไข่เต็มท้อง ปล่อยให้มันพัฒนาไปก็จะกลายเป็นผีเสื้อและวางไข่อีกแล้วก็ตาย แต่แม่จะเก็บเอาฝักไหม มาสาวไหมเพื่อเอาเส้นไหมไปทอผ้า โดยใช้น้ำร้อนในหม้อ ติด อุปกรณ์หมากพวงสาวบนปากหม้อ แล้วก็นั่งสาวไหมกันทั้งวัน เลิกเรียนมายังมาดู แม่เสร็จเทน้ำร้อนทิ้ง ก้นหม้อมีดักแด้เต็มเลย สนุกกันมาก แม่แบ่งให้คนละถ้วย เล็ก ๆ กินกับข้าวเหนียว..นา ไม่ได้กินเล่น นั่นแหละกว่าจะได้เส้นไหมมาทอผ้า ยากเอาการ


                                                                ภาพจากกูเกิล
.......นอกเส้นทางไปมากแล้วขอกลับมาเข้าเรื่องเดิม คือพูดถึงไปวัดจำศีลสมัยก่อน ไม่มีมุ้งนะ ยุงก็ไม่ค่อยจะมาก เลยทนกันได้ จำศีลสมัยนั้นไม่ทราบรายละเอียด รู้ แต่ตอนเช้าก็ไปรอรับแม่กลับบ้านกัน มารู้ละเอียดก็ตอนบวช 7 พรรษาน่า ทำไมจะไม่รู้ ตอนเช้าโยมมาวัดเช้ามืด เสียงทำวัตรเช้าได้ยินชัดเจน แต่พระเราทำวัตรเสร็จก่อน ก็ลงไปปัดกวาดลานวัด เตรียมไปบิณฑบาต เว้นวันพระใหญ่ตักบาตรที่วัด โยมทำวัตร เสร็จก็เคาะระฆังแจ้งให้พระทราบ พระลงศาลาให้ศีลแปด และเทศนา 1 กัณฑ์ ผม รับงานนี้ประจำตลอด 1 พรรษา เพื่อน ๆ ไม่เอา มัวแต่อาย หลังเทศน์จบ ชาวบ้าน ออกมาทำบุญตักบาตรกัน วันพระจะมีเจริญพุทธมนต์อย่างย่อ จบด้วยไชยมงคลคาถา (พาหุง) ชาวบ้านตักบาตรกัน เสร็จจากนั้นก็ถวายสังฆทาน ทำแบบนี้ทุกวันพระใหญ่ 14/15 ค่ำ หลังจากนั้นก็เป็นเวลาฝึกอบรมกรรมฐาน จะมีผู้นำพาฝึกอบรมกัน วัดที่ผมบวชมีมัคคทายกเป็นอดีตเจ้าอาวาส เลยช่วยได้มาก บ่ายก็นิมนต์พระลงไปเทศน์
มัคทายกแกชอบ สั่งให้เทศน์ ทศชาติชาดก ให้เตรียมไว้ เราก็อ่านจบก็เทศน์ได้ แกเลย ชอบใจถามว่าทำได้ไง สมัยแกเทศน์ต้องอ่านตามตำรา เลยทำให้มัคทายกจองตัว ให้เป็นคนเทศน์ทุกงาน เพราะเทศน์ตามเรื่องที่แกเลือกได้
.......เช้าวันถัดมา โยมทำวัตรเช้าเสร็จ พระก็จะขึ้นไปบนศาลา ให้ขอสมาทานศีล 5 และกลับบ้านกัน การจำศีลสมัยโน้น ทำกันอย่างนี้จนติดนิสัยว่า การรักษาศีลต้องไป ที่วัดเท่านั้นซึ่งเป็นความเข้าใจผิด คนที่รักษาศีลที่วัดคือ พระภิกษุสามเณร เพราะเวลา ส่วนใหญ่อยู่ที่วัด แล้วเวลาออกนอกวัดล่ะ พระเณรก็ยังต้องรักษาศีลอยู่นั่นเอง เพราะ ศีลต้องรักษากันตลอดเวลาเว้นแต่ยามหลับ การรักษาศีลของชาวบ้าน ก็เช่นเดียวกัน วันพระชวนกันไปจำศีลที่วัด ก็เพื่อถือโอกาสพบปะเพื่อนบ้าน ถือโอกาสฟังเทศน์ ก่อนกลับ บ้านก็สมาทานศีลห้ามาแล้วมารักษาต่อที่บ้าน ออกจากบ้านไปทำงานก็พก ศีลไปด้วย เจองูระหว่างทางกำลังจะเอาไม้ฟาด เออเราถือศีลอยู่นี่ไปฟาดมันทำไม เจอมะม่วงสุกบ้านริมถนน หล่นเต็มเลย จะหยิบ อ้าวจะผิดศีลข้อสองนะเนี่ย ตะโกนขอ ยายครับมะม่วงสุกหล่นเต็มพื้นเลย ขอหน่อยนะครับ เดี๋ยวก็จะได้ยิน เก็บเอาโลด ไม่หวงดอก...บ้านนอกเราจะเป็นแบบนี้ บนที่ทำงานมีพ่อค้ามาติดต่อให้ซือวัสดุจาก ร้านเขา มีค่าคอมมิชชั่นให้ 5 เปอร์เซ็นต์ คำนวณแล้วก็ประมาณ พันกว่าบาท ถ้ารับ ศีลข้อสองก็พัง เลยถามว่าค่าคอมพันกว่าบาท ขอเปลี่ยนเป็นกระดาษเอ สี่ เอามาไว้ที่ ห้องฉันนี่แหละเพื่อยืนยันว่าได้รับแล้ว เมื่อได้ของก็ให้ลูกน้องเอาไปเก็บที่ห้องพัสดุ ศีลข้อสองก็ยังสบายดี ศีลข้อห้ายุ่งหน่อยมีงานเลี้ยงบ่อยเหลือเกิน ต้องบอกว่าไม่ดิ่ม สุรา เพราะปัญหาสุขภาพ หมอห้ามดื่มสุรา ความจริงเขาห้ามตอนปวดท้องไป      คลินิคเขาห้าม จะรักษายาก แต่เราถือว่าหมอห้ามแล้วก็ห้ามไปตลอดเลย ยังไม่ยกเลิกคำสั่งนี่นา
..........การรักษาศีล ที่ศาลาวัด เป็นเพียงกิจกรรมช่วงเวลาสั้น ๆ 1 วัน 1 คืน แต่เรา อยู่นอกวัดมากกว่า และที่สำคัญการรักษาศีลมันต้องปฏิบัติตลอดเวลา จะจำกัดเฉพาะ วันพระวันศีลมันไม่ถูก ดูพระเณรสิ    รักษาศีล สิ แบบนั้นแหละ ท่านจะรักษาศีลตลอด เว้น ยามหลับ ตื่นมาก็ถือศีลต่อทันที สมมตินะ ตื่นมาตอนห้าทุ่ม ฉันข้าวได้ไหม ไม่ได้ศีลจะขาดน่ะสิ นั่นแหละที่ว่า ตื่นมาถือศีลต่อทันที ชาวบ้านเราศีลแค่ห้าข้อเอง ง่ายจะตาย จำได้หมดแหละ เวลาเจอสิ่งที่จะทำให้ศึลขาดก็รู้ทุกครั้ง  แต่ทำเป็นไม่รู้ ทำ ผิดประจำ จนดื้อด้านไปแล้ว แรกก็แค่จิบ ๆ เหล้าขาว บ่อยเข้าก็หมดแก้ว อ้าวไม่นาน เล่นเป็นขวด สุดท้าย  ก็สั่งมาเก็บแช่ตู้เย็น ลืมศีลข้อห้าไปเลย ที่ถูกต้องมีสติ สัมปชัญญะ เอาไว้เตือนตนเอง ไม่ประมาท แม้เป็นความผิดเล็ก ๆน้อย ๆ ก็ไม่ควรมองข้าม เจอ ศัตรูศีลเมื่อใด ก็หลีกเลี่ยงละเว้นให้ได้ ถ้าล่วงละเมิดศีล ก็เตือนตัวเองว่าทำผิดแล้ว ไม่สมควรเป็นเรา ต่อไปจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีก เรียกว่าสอนตนเอง ไม่ต้องให้ ใครอื่นมาสอนหรอก อายเขา สอนตนเองดีที่สุด
..........การจำศีลที่เราทำได้เองทุกสถานที่ ทุกเวลา เพราะศีลจะช่วยให้เราไม่รังแก ใคร ไม่ตบตีทรมานเขา กลัวศีลข้อแรกด่างพร้อย ไม่ละเมิดทรัพย์สินใคร ไม่ทุจริต ต่อหน้าที่การงาน กลัวศึลข้อสองขาด ไม่เจ้าชู้ผิดทำนองคลองธรรมเป็นคนน่าไว้ใจ น่าคบหาสมาคม เป็นคนพูดจาเชื่อถือได้พูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อผู้ฟัง น่านับถือ ไม่เปลืองสุราเมรัยเลี้ยงง่ายราคาไม่แพง ไว้ใจได้ไม่เมาลืมตัว ถือศีลมันดีเช่นนี้เอง ทำไมจะไม่ชอบรักษาศีลล่ะครับ จริงไหม ในบ้าน ในชุมชน ในที่ทำงาน มีคนปฏิบัติศีล มาก ๆ สบายใจได้ เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแน่นอนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น