วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อัจฉริยะแบบไหน





.......เรียนวรรณคดีไทย ครูมักเล่าชีวประวัติกวีบางท่านให้ฟัง ตอนฟังเรื่อง ราวของศรีปราชญ์ ครูเล่าสนุก ตอนไปเติมโคลงพระเจ้าแผ่นดินที่พ่อเอามา ทำการบ้านถวาย คือบทว่า
...........อันใดย้ำแก้มแม่ หมองหมาย
.....ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย.............ลอบกล้ำ
......(ผิวชนแต่จักกลาย..............ยังยาก
......ใครจักอาจให้ช้ำ.................ชอกเนื้อเรียมสงวน)
.........อ้ายศรีลูกชายคนโปรดพระยาโหราธิบดี ที่นำกระดานพระเจ้าแผ่นดิน นิพนธ์ค้างอยู่มาทำการบ้านถวาย กะอาบน้ำแล้วจึงจะมาดู เอาสิ่งของไปเก็บ ห้องพระที่เป็นเหมือนห้องทำงานด้วย เจ้าศรีมาเห็นกระดานมีโคลงแค่สอง บรรทัด อ่านแล้วนึกสนุกก็เติมให้อีก 2 บรรทัดจบพอดี แล้วก็หนีไปวิ่งเล่น พระยาโหราธิบดี อาบน้ำเสร็จก็จะมาดู มาเห็นก็รู้ว่าเป็นฝีมือซุกซนของอ้ายศรีแน่ กำลังจะลบออกเกรงจะมีความผิด แต่อ่านอีกที เออมันแต่งได้ดี เลยเอาไปถวายและขอพระราชทานอภัย พระเจ้าแผ่นดินชอบใจไม่ถือโทษ และ ขอให้นำตัวไปถวายเป็นมหาดเล็กและได้ชื่อพระราชทานว่า ศรีปราชญ์ ฟังเรื่องที่ครูเล่าแล้วก็อัศจรรย์มาก เป็นไปได้ไง เด็ก 7 ขวบ แต่งโคลงได้ คมคายขนาดนั้น
.........ผมมีลูกสาวอายุ สามขวบกำลังจะส่งอนุบาลเมื่อเปิดเทอมใหม่ แม่ เขาเป็นหอบหืด เลยติดพ่อ ช่วงหนึ่งลูกหลานที่มาช่วยเลี้ยงกลับบ้านก็เอา ไปเที่ยวที่โรงเรียนที่สอนอยู่ นั่งรถไปส่งแม่ก่อน แล้วก็กลับมาโรงเรียนที่ เราทำงานอยู่ ทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายวิชาการ แต่ช่วยสอนวิชาพุทธศาสนา 8 ชั่วโมง กิจกรรมชุมนุมร้อยกรองอีก 1 ชั่วโมง มีสมาชิกชุมนุม 15 คน ชั่วโมง กิจกรรมลูกสาวก็ไปนั่งรวมกับพี่ ๆ ยุ่งแย่งทำกิจกรรมกับเขา เด็ก ๆหัวเราะ ชอบใจช่วยต่อปากต่อคำกับน้อง สนุกเฮฮากัน เพราะกิจกรรมที่สอนให้เด็ก
ปูพื้นฐานคือการต่อคำ ปกติครูวิชาอื่นเล่นกันอยู่แล้ว เด็ก 15 คน ล้อมวง ต่อคำกัน เล่น ....กิจกรรม....คำกลอน...สอนด้วย..ช่วยหน่อย.......... วันหลังลูกสาวอยากเล่นกับพวกพี่ ๆ เลยให้นั่งแทรกวงเป็นคนที่ 16 แรก ๆ พี่ที่นั่งข้างแอบกระซิบบอก ต่อได้หัวเราะชอบใจ ฟังพ่ออธิบาย ให้พูดได้ สองคำนะ ฟังพี่คนนี้พูดจบ เสียงอะไร หนูก็พูดคำอื่นที่เสียงคล้ายกัน อีกคำพูดอะไรก็ได้ สามรอบเอง ไม่ต้องกระซิบแล้ว เวรจริง ๆ เลิกเรียนไปรับแม่ ชวนต่อคำไปตลอดทาง รับแม่เสร็จกลับบ้านเอาอีก จนแม่ยอมแพ้ ต้องซื้อ ขนมแจกถึงยอมเลิก
.........แกล้งลูกสาว ชอบต่อปากต่อคำ นึกสนุกเลยบอกว่ามากกว่าสองคำ ได้ไหม นั่นควายดำ ทำอะไร ไล่นกหน่อย ค่อยเดินไป นึกว่าจะยอม เล่น ต่อปากต่อคำทีละ 3 คำได้ ไปชั่วโมงกิจกรรม ไปเล่นกับพี่ ๆ แล้ว งง กันทั้งกลุ่ม พอถึงช่วงสามคำ เล่นกับพี่ ๆ ได้เลย ขั้นต่อทีละ 5 คำ 6 คำ สมาชิกรอน้องหมูก่อน น้องก็ไม่ให้รอยากหรอก เห็นพี่ ๆ เดินผ่านหน้าห้อง วิชาการวิ่งไปกะเขาเลย เสียงเฮฮาที่ห้องกิจกรรม รู้แล้วว่าลูกสาวอยู่นั่น ให้เล่นพลิกแพลงไปเรื่อย เดิมรับด้วยคำที่ 1 เปลี่ยนกติกาใหม่ ใครรับด้วย คำที่ 3 ถือว่าเยี่ยม การต่อคำเลยหลากหลาย 

..........วันนี้ชวนน้องหมู..........ดูพวกพี่ต่อปาก.......ลำบากหน่อยนะคะ.... จะลองหน่อยไหมหมู........จะลองดูคะพี่.....ฮาตึงเลยเพราะหมูน้อยเล่นต่อ ด้วยคำที่สาม....คนอื่นคงแปลกใจ แต่เรารู้เล่นกันมาตลอดทาง กติกาตอน อยู่บนรถ อะไรก็ได้ต้อง 5 คำ ตอบก็ต้องต่อแบบการต่อคำ เอาคำที่สามรับ ........โน่นพ่อมีวัวควาย........มันลับหายไปแล้ว......นั่นนกแก้วใช่ไหม.......นก อะไรเป็นแก้ว.......หิวข้าวแล้วยังหมู..........ถามแม่ดูมีขนม......ฯลฯ
.........เด็กชุมนุมเราเก่งขึ้นทั้งการกำหนดจำนวนคำ และกำหนดตำแหน่ง คำรับก็เลยเข้าสู่การแต่งกาพย์ยานี 11 จัดกลุ่มได้ 3 กลุ่ม 4 คน ยืมรุ่นพี่ ที่เก่งแล้วมาช่วย 1 คนได้เพิ่มอีก 1 กลุ่ม วันไหนลูกหมูมา ใช้ลูกหมูเสริม กติกาติด เบอร์ 1 2 3 และ 4 เบอร์ 1 เริ่มเขียนตามสบาย 5 คำและส่งให้ เบอร์ 2 ต่อคำรับด้วยคำที่ 3 ใช้หกคำ เสร็จส่งต่อให้เบอร์ 3 ต่อคำด้วยใช้คำ สุดท้าย 5 คำ ส่งไปเบอร์ 4 จบตามสบาย 6 คำ ไม่รับสัมผัสใด ๆ น้องหมู พี่ ๆเขาให้อยู่เบอร์ 4 พี่เบอร์หนึ่งช่วยเขียนให้ตามน้องบอก....
.........ส่งมาครูตรวจ ไม่ผิดฉันทลักษณ์ซักบทเดียว คำเพราะดีทุกกลุ่ม แต่นั้นมาเวลานั่งรถไปกับพ่อเป็นต้องต่อปากต่อคำด้วยกาพย์ยานี 11 สด ๆ
.......นั่นควายทำไรพ่อ.......ลูกร้องมอคงหิวนม
........น่ารักและน่าชม.........แม่มันยืนรอลูกมัน ฯ
.......แล้วนั่นต้นอะไร..........มะม่วงไงหมูรู้น่า
.......อีกต้นที่ใหญ่กว่า.........นั่นต้นโพธิ์นี่ต้นไทร ฯ
........เล่นกับลูกจนเปิดเทอมไปส่งเข้าเรียนอนุบาล ก็ยังมีเล่นสนุกกันอยู่ ไปส่ง ผอ.โรงเรียนท่านจะไปเยี่ยมลูกหลานที่เชียงคาน ลูกสาวไปด้วยชวน พ่อคุยเป็นกาพย์ยานี ผอ.ครูภาษาไทยเก่า ฟังก็รู้ ขอลองเล่นด้วย สนุกกัน ไปตลอดทาง 49 กิโลเมตร ขากลับลูกสาวหลับ ผอ.ประหลาดใจทำไมเด็ก อนุบาลเองว่ากาพย์ปากเปล่าได้ อย่าว่าแต่ ผอ.เลย ศึกษานิเทศก์ เพื่อนแม่น้องหมูมาเยี่ยมบ้าน ได้ทดลองเล่นกับลูกหมู หัวเราะชอบใจ ชวนไปออก รายการทีวี ขอนแก่นเขามีห้องส่ง มีรายการประเภทเด็กอัจฉริยะ แต่ประเภท ว่ากลอนสดปากเปล่า แบบเด็กอนุบาลยังไม่มี แต่เราไม่ให้ไป เพราะไม่ใช่ อัจฉริยะจริง ๆ ศน.คนนั้นก็ยังเป็นเพื่อนทักทายเฟซกันจนทุกวันนี้ ส่วนลูกสาว ไปเรียนเทคโนสารสนเทศ ม.มหาสารคาม เป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานอยู่ กรุงเทพ ฯ เห็นว่าทำงานรับจ้าง อสมท.เจอพ่อคุยว่าเจอดาราบ่อย ๆ ก็ขำ ๆ นะ โม้กับ คนอื่นพอไหว นี่มาโม้กับพ่อ แกสู้ไม่ได้หรอก เพราะดาราสวย ๆ หล่อ ๆ ไปเยี่ยม พ่อถึงบ้านทุกวัน อาหมูงง ก็ต้องเฉลย เขามาทางทีวีจ้า
..........จากกาพย์ยานีกิจกรรมชุมนุมรอยแก้วก็พัฒนาไปถึงกลอน ด้วยวิธี เดียวกันเด็ก ม. 2-3 แต่งกลอนคล่องยังกะผู้ใหญ่ รู้จักการวางระดับเสียง ท้ายวรรค รูจักสัมผัสเลือน สัมผัสลัด รู้จักละลอกทับละลอกฉลอง กลอนก็ งดงามเหมือนผู้ใหญ่แต่ง เขามีประกวดโต้กลอนสดแบบเขียนใส่กระดาษ โรงเรียนขอยืมเด็กไปแข่ง เขามีแข่งระดับ ม.ปลาย ได้รองชนะเลิศมา เด็ก มาต่อว่าเรา ทำไมทีมนั้นเขียนกลอนผิด ๆ ยังชนะพวกหนู เราน่ะรู้ กรรมการ ไม่รู้จักสัมผัสเลื่อน สัมผัสลัด ยิ่งละลอกทับ ละลอกฉลอง ไม่กระดิก ไปแย้ง ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ก็แถมรางวัลพิเศษให้ ไปทานข้าวกับน้องหมูที่บ้าน ลืมประกวดไปเลย ชอบ ใจได้เจอน้อง อนุบาล 2 แล้ว
........ผมเขียนถึงเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่า อัจฉริยะ มันหายาก แต่ความสามารถ ของคนเราฝึกได้ แต่อย่าไปตั้งธงไว้ก่อน เอาให้เป็นกิจกรรมการเล่นสนุก ๆ ไม่เครียด ก็จะเล่นไปได้เรื่อย พอคล่องตัวแล้วค่อยปรับเข้าสู่แบบแผน เหมือน หัดขี่จักรยาน แรก ๆ ก็เล่นสนุก ๆ ล้มบ้าง ไปได้บ้าง พอขี่ได้ก็สบาย ไปทาง
ราบเรียบก็ได้ ไปตามคันนาก็ได้ จบล่ะนะ

หน่อย หมู นก

หมู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น