.......จุดบั้งไฟ เล่ากันว่าพญาแถนผู้กำกับฟ้าฝน เคยตกลงกับพญาคันคาก ครั้งทำ สงครามและแพ้พญาคันคาก รับปากจะส่งฝนลงมาให้ตกตามฤดูกาล ใกล้หน้าฝน ให้จุดบั้งไฟขึ้นไปเตือน ดังนั้นช่วงเดือนหกต้นฤดูฝน ชาวบ้านเลยทำบุญบั้งไฟกัน ไม่นานฝนก็ตกลงมาจริง ๆ พญาแถนรักษาสัญญาเป็นอย่างดี ทำให้คุยโม้กันมานาน หรือไม่ก็อ้างตำนานผาแดงนางไอ่ที่ทำบุญบั้งไฟจนเกิดตำนานหนองหาน แต่ นึกไม่ออกว่าเกี่ยวกับฝนกับพญาแถนอย่างไร เห็นมีแต่แข่งจุดบั้งไฟกัน ที่บ้านเมืองถล่ม จนกลายเป็นหนองน้ำ ก็ว่าเพราะพญานาคโกรธที่คนทำร้ายลูกชาย คงไม่คิดอยากให้ พญานาคสร้างหนองน้ำให้อีกหรอก
.......เซิ้งนางด้ง หลายท้องถิ่นนะเขาเชื่อว่าเล่นเซิ้งนางด้งเป็นการเชิญเทวดานางฟ้า และนางฟ้าที่เรียกนางด้ง ลงมาสิงร่างแล้วเล่นรำเต้นไปตามเสียงเพลง และถือโอกาส ถามว่าปีนี้ฟ้าฝนจะเป็นอย่างไร จะแล้งหรือฝนชุก คำตอบก็ ห้าสิบห้าสิบ เพราะมันมี สองตัวเลือก ส่วนมากก็ถูกเพราะสมัยก่อนฝนตกต้องตามฤดูกาลดีกว่าสมัยนี้ คนก็ ถือโอกาสเล่นสนุก ๆ ไปด้วย สมัยเด็กอยู่ ป.สามได้มั้ง เคยตามแม่ไปดูเขาสวดมงคุณ ที่บือบ้าน ช่วงเดือนเมษายนก่อนสงกรานต์ กลางคืนมีเล่นนางด้งเสียงทายฝนกัน เขาใช้กระด้งสองใบประกบกัน ข้างในใส่เครื่องบูชาไว้ ข้างนอกไม้สองท่อนมัดแน่น ร่างทรงสองคนจับคนละข้าง มีพ่อหมอแต่งแก้แต่งบูชาประจำหมู่บ้านเป็นคนทำพิธี แกถือขันดอกไม้เห็นเรียกว่าขันห้า เดินไปที่เสาหลักบ้านสักการะบูชาครู่หนึ่ง ทราบต่อ มาว่าเป็นการเชิญเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเป็นสักขีพยานและอำนวยการให้การเล่น ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จากนั้นก็เดินมาทำพิธีตรงที่กระด้งที่ร่างทรงเขาจับคน ละข้าง กระด้งวางอยู่บนสากไม้แดงสองท่อน สากวางพาดสากอีกสองอัน ดูเป็นวางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พ่อหมอแกวางจานดอกไม้แล้วเสกมนต์คาถาของแกนานพอควร สุดท้าย ก็เอาพวงดอกไม้จุมน้ำมนต์รดกระด้งและร่างทรง แล้วแกก็ให้สัญญาณนักร้องเริ่มบท เซิ้งนางด้ง หัวหน้าร้องนำ ลูกวงร้องตาม จบแล้วก็วนมาเริ่มต้นใหม่ ไม่นานนางด้งก็เริ่ม แสดงอาการถูกทับร่างทรง เห็นกระด้งแกว่งไปมา แรงขึ้น ๆ พ่อหมอถามว่าใคร ใช่ แม่นางด้งไหม ถ้าใช่ก็เชิญแสดงอาการเหมือนที่เคยเสด็จมาปีก่อน ๆ นางด้งก็จะลุกยืน แกว่งกระด้งเดินไปที่เสาหลักบ้าน เดินไปรอบ ๆ ที่มีคนยืนล้อมวงอยู่ บางคนโดนนางด้ง เคาะหัว แสดงว่ารักชอบพอคนนั้น ทักทายแล้วก็กลับมากลางวง พ่อหมอแกก็เริ่มถาม ถึงฟ้าฝน และความเป็นอยู่ของหมู่บ้านผู้คน ใช้วิธีตอบสนองด้วยการแกว่งกระด้ง ถ้า ไม่ใช่ก็นิ่งเฉย ถ้าใช่ก็แกว่งกระด้งแรง ๆ แล้วแต่คนถามจะขอ บางทีก็ลองขอกลับกัน เพื่อยืนยันว่านางด้งบอกจริง เล่นกันนานพอสมควร ค่อยดึงกระด้งออก รดน้ำมนต์ให้ ร่างทรง
......ต่อมาใกล้สงกรานต์ทำบุญบือบ้าน ก็มีทุกปี ปีไหนสาว ๆเป็นร่างทรงคนดูก็จะมาก พ่อหมอก็ถามแปลก ๆเช่นถามว่ารู้จักร่างทรงไหม มันมีผัวรึยัง มันมีคนรักรึยัง เรียก เสียงเฮฮาไปรอบวง แล้วค่อยมาถามฟ้าฝน วิธีการก็แบบเดิม ๆ จนย้ายมาอยู่อุดรธานี ไม่ได้เห็นคนเล่นกัน.....มารู้จักอีกทีก็ตอนบวชพระไปเรียนเทศน์หกกษัตริย์ มีอยู่ ช่วง กัณฑ์หิมพานต์ ทานกัณฑ์ จะเล่าถึงความแห้งแล้งเกิดที่เมืองกลิงคราชติดต่อกัน 7 ปี พระก็จะสนทนากันถึงแนวทางแก้ไข พูดถึงเซิ้งนางแมว เซิ้งนางด้ง มีสามเณรรูป หนึ่งแกร้องบทเซิ้งนางด้งได้ พระอาจารย์ก็เล่าถึงวิธีจัดเซิ้งนางด้งให้ชาวบ้านฟัง ตอนพูด ถึงบทเซิ้ง ก็ให้สามเณรเซิ้งให้ฟัง ขนลุกกันทั้งศาลา เสียงแกเพราะจริง ๆ คุณยายแก่ ๆ น้ำตาไหลเลยแหละ บอกไม่ได้ยินนานแล้ว ไปเทศน์ที่ไหนก็ไม่ลืมเซิ้งนางด้ง ชาวบ้าน เขาชอบ เลยทำให้เราได้ฟังขั้นตอนวิธีการจัดเซิ้งนางด้ง บางงานอาจารย์ใหญ่ไม่ไปด้วย ก็ต้องเล่ากันเอง ตอนนี้ไม่ต้องไปเทศน์ที่ไหนอีกแล้ว เลยหยิบมาเล่าให้ชาวเฟสอ่าน กันเล่น ๆ ให้รู้ว่ามีการเซิ้งแบบนี้ด้วยนะ
.......สรุปว่าวิธีขอฟ้าขอฝนคนสมัยก่อนเขาเชื่อกันจริง ๆว่าทำอย่างนั้นแล้วจะได้ฝน แต่ตอนนี้คงไม่ขลังแล้ว ยิ่งมีฝนเทียมของในหลวงแล้วจืดสนิทเลย ฝนเทียมแน่นอนกว่า แต่นั่นแหละกิจกรรมที่ทำกันยังมีคุณค่าทำให้เกิดความรักความสามัคคีในชุมชนได้ ทำ ให้เกิดความสนุกสนานได้ ถ้าเลือนหายไปก็เสียดาย ก็จึงได้นำมาเล่าสู่กันฟัง อ้อฝาก บทเซิ้งนางด้งให้ไปอ่านเล่นกัน บทที่สามเณรน้อยแกขับนั้นแหละครับ จดใส่สมุดไว้ มาเปิดกูเกิลดู เห็นบางถิ่นคล้ายกันมาก สงสัยมาจากขอนแก่น น้ำพอง เหมือนกันสำนักเทศน์หกกษัตริย์ที่ผมไปเรียนอยู่แถวนั้นครับ
เปือยน้ำ อินทนิล ต้นหมากอาเลา
บทเซิ้งนางแมว กลอนเทศน์ | |||
เต้าอีแม่นางแมว | นางแมวเอยเฮามาขอไข่ | ||
ขอบ่ให้ขอฟ้าขอฝน | ขอน้ำมนหดหัวแมวแหน่ | ||
บ่ได้แท้บ่อฮู้หนทาง | เจ้าบ่จ้างตัวข่อยบ่หนี | ||
คันบ่มีขอหนูกับเข่า | บ่ได้เข่าเหล่าเด็ดก็เอา | ||
บ่ได้เข่าเหล่าโทก็เอา | แมงเม่าเอยอย่าฟ้าวขายลูก | ||
เข่าเพิ่นปลูกลูกน้อยเพิ่นแพง | ตาเวนแดงฝนแห่งลงมา | ||
ตาเวนค่ำฝนหน่ำลงมา | ตาเว็นตกฝนตกลงมา | ||
ดังซาซาเค็งเค็งมาพี้ | แป้นหมากมี้แป้นพ่ออีเสง | ||
โห่งเป้ง ๆ ฝนเร่งลงมา | ฝนบ่ตกเข่าไฮ่ตายคา | ||
ฝนบ่มาเข่านาตายแล้ง | ฝนมันแห่งเขาแฮ่งตายพาย | ||
เชิญลงมาฝนเทลงมา | เท่งลงมาฝนเท่งลงมา | ||
เทลงมาให้นากูโห่ง | เทลงมาให้โส่งกูเปียก | ||
ให้เด็กน้อยตาเหลียกคือหมากอาเลาฯ |
บทเซิ้งนางด้ง กลอนเทศน์ | ||
เต้าอีแม่นางด้ง | โล่งโค้งคือวงตีนเกวียน | |
มาเวียนนี้ได้สองสามฮอบ | มาขอบนี้ได้สองสามที | |
ตะตุลีแมงหวี่ตุลา | พาสาวหลงเข้าดงคำแมด | |
มาสู่แดดหรือมาสู่ฝน | มากำฮนนำแม่เขียดไต้ | |
ซอกไซ้นั่นแม่เขียดบักเหลียง | ซอกเฟียงนั่นแม่เขียดบักจ่อง | |
ลอยอ่องล่องนั่นแม่นเขียดจ่านา | หลังซาซาแม่นพญาคันคาก | |
เชิญเทิงครกไม้บากมาซูนด้งเดอ | เชิญเทิงสากไม้แดงมาซูนด้งเดอ | |
แอ่งข้าวหม่ามาซูนด้งเดอ | ด้งน้อยน้อยฝัดข้าวกินขาว | |
เชิญสาวสาวพากันนั่งล้อม | เขาควยพร้อมมาไว้เฮ็ดหวี | |
เหล้าไหดีเอามาฝากไถ่ | เหล้าไหใหญ่เอามาฮับแถน | |
แขนลงมาเทิงวีเทิงด้ง | เต้นโล่งโค้งนางด้งเชิญมา | |
มาปิ้นวัดปิ้นเวียนนางด้ง | ฝนบ่อตกข้าวไฮ่ตายคา | |
ฝนบ่มาข้าวนาตายแล้ง | ฝูงนกแฮ้งลงซากลงโครง | |
ดินเป็นผงเข้าตายเหมิดแล้ว | น้ำเต้าแก้วโผดหลั่งลงมา | |
ฮำไฮ่นาจนเหมิดจนเสี้ยง | สาวไทเวียงเต้าแม่นางด้ง | |
เต้นโล่งโค้งเปอเคอเลยด้ง | เต้นโลดด้งเปอเคอเลยด้ง | |
มาเฮามามากันเฮวเฮ่ง | มาเป่งน้ำเดือนหกไปนา | |
ได้ตกกล้ากันแท้นอสู | มานำกูจนเหมิดจนเสียง | |
เทลงมาเอ้าฝนเทลงมา | เทลงมาให้นากูโห่ง | |
เทลงมาฝนเทลงมา | เทลงมาให้โส่งกูเปียก | |
เทลงมาฝนเทลงมา | ให้พญาหัวเปียกคือหมากอาเลา ฯ | |
เซี่ยงข่อง เซียงข้อง เสี่ยงข่อง เสี่ยงข้อง | |||
.....เซียง ใช้เรียกคนบวชสามณรแล้วสึกออกมา เรียกอ้ายเซียง ส่วนคำ เสี่ยงหมายถึงลองดูไม่แน่ใจ คนละความหมายแต่เอามาเรียกตะข้องที่ เขาทำเพื่อใช้ในการเสี่ยงทาย ทำไมเรียกเซียง ไม่รู้นะว่าเหมือนเณร สึกใหม่ตรงไหน ดูนาน ๆ จะเห็นหัวยังโล้นอยู่ ก็กะลามะพร้าวนั่นแหละ เสื้อผ้าสีดำ ๆ มีผ้าแดงคาดเอว ยังกะอ้าย เซียงสึกใหม่ มองแบบนี้มั้ง ถึงได้เป็นอ้ายเซียงข้อง แต่คนอี่สานเราไม่มีคำข้อง มีแต่ ข่อง เลยเรียก เซียงข่อง ส่วนเสี่ยงข้อง เสี่ยงข่อง ก็ตรงตามจุดประสงค์ที่สร้างมา ........เคยถามถึงที่มาของอ้ายเซียง ไม่มีใครยืนยันว่าเกิดแต่ครั้งไหน เกิดมาก็เห็นแล้ว ก็คงเหมือนกระผมนั่นแหละ อยู่ ป. 4 ได้มั้ง บ่าย ๆ ได้ยินเสียง เฮ ๆ หัวบ้านท้ายบ้าน โดดลงเรือนห้อไปเลย ต้องมีอะไรดี ๆให้ดูแน่ ส่วนมาก ก็เป็นแห่งานบุญต่าง ๆ สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องเสียง ก็เอาเสียงฆ้องกลอง เป็นสำคัญแล้วก็เสียเฮฮาของผู้คน มีบางทีกลายเป็นแห่ไล่ตามอ้ายเซียงข่อง เขาเรียกอ้ายเซียงมาถามหา ของที่หายอยู่ไหน ใครแอบลักไป ผีแล้งที่มันทำให้ฝนไม่ตกนี่มันอยู่ตรงไหน พาไปดูหน่อยจะไล่มันหนี ฝนจะได้ตกซะที ผีปอบมันมากินไก่ตายยกเล้าเลย ปอบใครพาไปดู บ้านมันหน่อย ฯลฯ อ้ายเซียงมันเก่งมาก คนก็เลยนับถือต่อ ๆกันมา ........ช่วงอยู่ ป.4 (2497-98) เดือนเมษายนที่เขาเล่นนางด้งนางแมว ขอฝนนั่นแหละ มีเล่นเซียงข้องเพื่อหาแม่แล้งด้วย เจอที่อยู่ก็จะพากัน ทำลายขับไล่มันหนี ฝนจะได้ตกลงมา เด็ก ๆเราสนุกมันทุกอย่างแหละ วิ่งไล่ตามไปดู ตอนแรก ๆ ไม่ได้สนใจหรอก กลัวด้วยเพราะมันวิ่งหาแต่ ผี ผีปอบมั่ง ผีเป้า ผีโพงมั่ง แม่แล้งนี่ก็ว่าเป็นผีนะ เจออ้ายเซียงก็เลยจำ ติดตาลืมยากจริง ๆ ช่วงมาบวช(2510-2516) เฒ่ากะจ้ำ แกพาชาวบ้าน มาทำเซียงข้องที่วัด เสียงหาแม่แล้ง เรามันคนชอบหาความรู้ เห็นเข้า ก็ไม่ปล่อย ตามซักจนเฒ่าจ้ำแกบอกอยากเรียนไหม จะครอบวิชาให้ เราหัวเราะบอกไม่เอาหรอก แค่อยากรู้เฉย ๆ เรียนวิชาอาคมไม่ขลังหรอก ไม่ค่อยคะลำ เดี๋ยวลำบากเซียงข้องมาไล่ปอบฉันอีก แกหัวเราะชอบใจ เรารู้แกจะให้วิชาเราจริง ๆ เพราะพระที่สวดปาฏิโมกข์ได้ เขาเชื่อถือว่า ขลังมาก บาตรพระที่ห้องนอน เต็มไปด้วยเครื่องรางของชลังเขาเอามา ฝากให้สวด ที่จริงเราสวดปาฏิโมกข์ทุกวันเช้าเย็น ก็เพื่อทบทวนเวลาสวดจะได้ไม่ผิดพลาด ไม่ได้สวดเพื่อขลังหรอก | |||
.........ตัวอ้ายเซียงทำด้วยตะข้อง ควรใช้ของที่ใช้งานมาแล้วมันมี | |||
วิญญาณกบปูปลาค้างอยู่เยอะแยะ ช่วยให้ขลังดี หัวอ้ายเซียงให้กระลา มะพร้าวมีแต้มหูตาปากจมูกเอาเอง สองขาสองแขนใช้ไม้ไผ่ขนาดเท่า แขน เสียงตูดสองช่องเป็นขา สอดอีกท่อน ต่ำกว่าปากตะข่องเป็นแขน จากนั้นก็หาเสื้อผ้านุ่งมาแต่ง ผ้าขะม้าแดงคาดพุงให้ด้วย อ้ายเซียง อีสานนี่นาต้องขะม้าคาดพุง แค่นี้ก็พร้อมออกศึก .........เครื่องบูชา ขันห้า เงินหกลึง เดียวนี้คงแพงมากขึ้นตามยุคสมัย หมอพิธีเขาใช้บูชาอัญเชิญเทวดา บท สัคเค กาเมจรูเป...ฯลฯ ที่พระ สวดก่อนเริ่มสวดมนต์นั่นแหละ บทเดียวกัน เนื้อหาเป็นการเชิญเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมาอำนวยให้พิธีการศักดิ์สิทธิ์และสำเร็จตามที่มุ่งหมาย แล้วก็คาถาปลุกอ้ายเซียง อันนี้ของใครของมัน ไม่บอกกันง่าย ๆ เสกคาถาไป พรมน้ำเหล้าไป เสกจนกว่าอ้ายเซียงจะลงทับคนจับขาทำให้อ้ายเซียงแกว่งไปมาอย่างแรง คนจับนี่หายาก บางคนจับ หมอปลุก ไม่ขึ้น เปลี่ยนคนใหม่จับแทนติดปุ๊บเลยก็มี | |||
........คนซักถามอ้ายเซียง ปกติหมอพิธีถามเอง ถ้ามีคนช่วยถามก็ดี อย่างแรกถามว่าคนที่ลงมาทับทรงใช่อ้ายเซียงข่อง รึเปล่า พวกเราอยากให้ อ้ายเซียงช่วยเสาะหา..........................จะได้ไหม ถ้าได้ก็โปรดพา พวกเราไปด้วย แค่นี้อ้ายเซียงก็จะลุกยืน แกว่งสองขาไปมาและออกเดิน ยกแรกเขาจะทดสอบอ้ายเซียง ให้ไปหาของที่เขาซ่อนไว้ เช่นสร้อย เช็มขัดเงิน ส่วนมากหาไม่นานก็เจอ ขนาดเอากะลาครอบไว้ อ้ายเซียง เตะหงายเลย เล่นเอาฮือฮากันทั้งวง จากนั้นก็เชิญอ้ายเซียงไปหาสิ่ง ที่ต้องการ หาผีแม่แล้ง หาผีปอบ หาผีเป้าพีโพง ลูกแห่ตามไป สนุกสนาน มาก ๆ | |||
........ถามว่าแล้วมันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ก็ตอบยากนะ ถาม ชาวบ้านเขาเชื่อตามนั้น แต่เราเองไม่ค่อยจะเชื่อหรอก เพราะบางอย่าง มันไม่มี แต่อ้ายเซียงยืนยันว่ามี ผีแม่แล้งยังงี้ ผีปอบยังงี้ แต่ไม่เคยเถียง ใครนะ อ้ายเซียง เอ้าเล่นก็เล่น ส่วนตอนออกวิ่งไปหานี่ไม่ไปด้วยหรอก รอที่วัดนั่นแหละ เดี๋ยวก็หอบแฮก ๆกลับมาเอง | |||
--------------------- | |||
ปล. เครื่องบูชาทำพิธีเซียงข้อง เผื่อใครอยากลองจัดบ้าง | |||
- ดอกไม้สีขาว ๑ คู่ | |||
- เทียน ๑ คู่ | |||
- หมาก ๑ คำ | |||
- บุหรี่ ๑ มวน | |||
- พริก ๑ เม็ด | |||
- เกลือ ๑ หยิบมือ | |||
- ปลาร้า ๑ ชิ้น | |||
- มะขาม ๑ ฝัก | |||
- สุรา ๑ ขวด | |||
- เงิน หกสลึง เป็นค่าคาย (ค่ายกครู) | |||
นอกจากนี้ยังมีเครื่องเซ่นไหว้ผีปู่ตาอีกได้แก่ | |||
- ดอกไม้และเทียนอย่างละ ๕ คู่ (ขัน ๕) | |||
- เหล้า ๑ ขวด | |||
- ไข่ไก่ ๑ ฟอง | |||
- ซวย (กรวยใบตอง) ๔ อัน | |||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น